พีแอนด์จีหั่นค่าใช้จ่ายโฆษณา ปรับกลยุทธ์รุกตลาดออนไลน์

04 ธ.ค. 2559 | 12:00 น.
พรอคเตอร์แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ของโลก ประกาศหั่นรายจ่ายด้านการโฆษณา ลดจำนวนเอเยนซีจากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 6,000 บริษัท ลง 50%

นายมาร์ค พริทชาร์ด เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดพีแอนด์จี เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแผนงบการเงินในการส่งเสริมการขายใหม่ จากการที่บริษัทต้องจ่ายให้กับการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลในการผลิต การออกแบบผลิตโฆษณา "พีแอนด์จีทุ่มเงิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.7 หมื่นล้านบาท) ในการผลิตโฆษณาทั่วโลก เรากำลังพัฒนาการลงทุนด้านสื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเจาะให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าและมั่นใจได้ว่าลูกค้าจะนึกถึงผลิตภัณฑ์ภายใต้เครือพีแอนด์จีเป็นอันดับแรก" นายพริทชาร์ดกล่าว

ทั้งนี้ พีแอนด์จี ซึ่งถือเป็นผู้ที่ใช้จ่ายด้านการโฆษณามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้รวมกลุ่มสินค้าประเภทเดียวกัน เพื่อลดจำนวนการใช้บริษัทเอเยนซีจากภายนอกที่ทำหน้าที่ด้านการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ ด้านการดีไซน์แพ็กเกจ และวางแผนการตลาดสำหรับสินค้าที่วางจำหน่ายตามร้านค้าปลีก เป็นต้น ลง 50% จากประมาณ 6,000 บริษัทในปัจจุบัน

นายพริทชาร์ด กล่าวเสริมว่า พีแอนด์จีกำลังเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจาก 10 % ให้ถึง 20% อาทิเช่น สินค้าแบรนด์ฟีบริซ ผลิตภัณฑ์น้ำยากำจัดกลิ่น ได้ขยายช่องทางโซเซียลมีเดียและวีดีโอออนไลน์ ส่วนผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมแพมเพอร์ส เน้นการเจาะตลาดกลุ่มแม่ที่มีลูกอายุตั้งแต่แรกเกิดและผู้สูงอายุ สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมแบรนด์แพนทีน มีการขยายช่องทางผ่านโซเซียลมีเดียและการประชาสัมพันธ์ และได้เชิญนักร้องสาว เซลีนา โกเมซ มารับบทบาทใหม่เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนล่าสุดให้กับแพนทีน โดยตั้งเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม

พีแอนด์จีพยายามเพิ่มผลกำไร โดยตัดต้นทุนบางส่วนออก เช่นเมื่อปีที่ผ่านมา พีแอนด์จีลดจำนวนเอเยนซีโฆษณาและค่าใช้จ่ายด้านการผลิตลง 370 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.2 หมื่นล้านบาท) สำหรับปีนี้จะมีการลดต้นทุนในส่วนดังกล่าวอีก 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 7,000 ล้านบาท)

ด้านนายเดวิด เทย์เลอร์ ประธานบริหารของพีแอนด์จี ระบุว่า บริษัทมีเป้าหมายที่ชัดเจน การเติบโตในระยะยาวของบริษัทคือ การตั้งใจให้ยอดขายเติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่สูง อันดับแรกคือวางแผนให้ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เติบโตและให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า สองคือพัฒนาการผลิตโดยให้ประหยัดต้นทุนในการขนส่งสินค้าและปรับปรุงธุรกิจเพื่อเพิ่มผลกำไร สามคือสร้างให้แบรนด์สินค้าแข็งแกร่ง และสุดท้ายคือมุ่งปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรของพีแอนด์จี

"พีแอนด์จีเป็นทั้งผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในครัวเรือนและผลิตภัณฑ์ดูแลตนเอง ที่ในทุกๆ วันมีการซื้อใช้ประมาณ 5 ล้านคน ทั่วโลก ดังนั้นแรงผลักดันของพีแอนด์จีที่ต้องเดินหน้าปรับปรุง มาจากความต้องการของผู้บริโภค เราจึงเน้นสร้างความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์และเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคให้มากที่สุด ทั้งไม่ได้มองแต่เพียงการลดต้นทุนการโฆษณา แต่บริษัทยังคงสร้างการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นด้วย" นายเทย์เลอร์กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,215 วันที่ 4 - 7 ธันวาคม 2559