เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ ‘แสงสว่าง’ ต้องเป็นมากกว่าการส่องสว่าง

03 ธ.ค. 2559 | 02:00 น.
เมื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ส่องสว่างของเมืองไทยกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านจากระบบธรรมดาสู่เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า "แอลอีดี" ด้วยจุดเด่นฟังก์ชั่นที่หลากหลาย และตอบโจทย์เรื่องอายุการใช้งานที่มากกว่า ประหยัดไฟกว่า ทำให้เจ้าหลอดไฟระบบใหม่ที่ถูกเรียกว่า "หลอดแอลอีดี" นี้เริ่มเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านในตลาดเมืองไทยมาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และเป็นมากกว่าการส่องสว่าง

หากแต่ยังมาพร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย ทั้งการปรับแสง การใช้งาน เป็นต้น ซึ่งหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดคงคล้ายกับการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีระบบจอภาพอย่างจอคอมพิวเตอร์ และจอทีวี ที่มีความคมชัด บางเบา มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายมากกว่า

หลอดแอลอีดี ของค่าย "ฟิลิปส์" หนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ส่องสว่าง ก็เป็นหนึ่งแบรนด์ที่ถูกกล่าวถึงและได้รับความนิยมอย่างสูง ภายใต้แนวคิดของ "เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้มีนิยามว่า "ผมมองว่าธุรกิจหลอดไฟเป็นมากกว่าแสงสว่าง"

4 หลักคิดพิชิตเป้าหมาย

"เฉลิมพงษ์" เล่าถึงแนวทางการบริหารงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายว่าประกอบไปด้วย 4 ข้อหลัก ประกอบไปด้วย 1.การมีวิสัยทัศน์ที่ดี ส่งไปยังพนักงาน ตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในทุกเรื่อง 2.การสร้างแรงบันดาลใจที่ต้องมีการสร้างภายในองค์เพราะบุคลากรคือฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เนื้องานสามารถเดินไปได้ เนื่องจากองค์กรมีหัวใจสำคัญคือเรื่องของบุคลากร หากบุคลากรมีแรงบันดาลใจ มีกำลังใจในการทำงานแน่นอนว่าจะสามาสร้างการเติบโตได้บรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว

3.การสร้างทีมที่มีความแตกต่าง สามารถทำงานร่วมกันได้หลากหลาย มีการแลกเปลี่ยนความคิดเพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่งในการรองรับความต้องการของผู้บริโภค ผ่านการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ ให้ตรงกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์มากที่สุด และ 4.การต้องเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการเป็นผู้นำในธุรกิจส่องสว่างอย่างต่อเนื่องภายใต้คอนเซ็ปต์ "Light beyond illumination แสงสว่างเป็นมากกว่าการให้ความสว่าง

จับตาเทคโนโลยีสู่หลอดอัจฉริยะ

ปัจจุบันเมืองไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากหลอดธรรมดาเป็นแอลอีดี ซึ่งตลาดแบ่งเป็น 2 ส่วนคือลูกค้าโครงการและลูกค้าทั่วไป ซึ่งจุดเด่นของหลอดแลอีดีคืออายุการใช้งานที่นานกว่า ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องหันมาทำการตลาดในแง่ของการการบริการหลังการขาย และการขายฟังก์ชั่นที่มีอยู่ ในอนาคตการเปลี่ยนหลอดไฟจะไม่ใช่แค่การขยาย ลูกเล่น สี ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกในหลอดไฟที่จะถูกเอามารวมกันเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันภายในบ้านหลังเดียว เช่น ผู้สูงวัยอาจจะชื่นชอบหลอดแอลอีดีที่มีสีขาวสว่าง ขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ชื่นชอบหลอดไฟที่แสงสว่างน้อยลงมากหรือมีโทนส้ม ตรงนี้ในอนาคตก็จะรวมไว้ในหลอดเดียว หรืออาจจะเป็นหลอดแอลอีดีอัจฉริยะที่สามารถสั่งงานจากรีโมต สมาร์ทโฟนตรงนี้ถือเป็นอีกเทรนด์ที่มาแรงแน่นอน โดยในอนาคตไม่ใช่แค่เรื่องของหลอดไฟแต่เป็นเรื่องของฟังก์ชั่น รูปแบบ และระบบภายในของแอลอีดีมากกว่า

โดยในอนาคตมองว่าจากเทคโนโลยีแอลอีดีที่เข้ามาซึ่งจะมีข้อได้เปรียบเรื่องงานอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก 1-5 หมื่นชั่วโมง ขณะที่หลอดไส้มีอายุการใช้งาน 1,000 ชั่วโมง หลอดประหยัดไฟ 6,000-8,000 ชั่วโมง และหลอดฟลูออเรสเซนส์มีอายุการใช้งาน 1-2 หมื่นชั่วโมง

สู่โฉมใหม่ "Light beyond illumination"

นอกจากเรื่องของนโยบายแล้ว "เฉลิมพงษ์" บอกว่า ผลิตภัณฑ์คืออีกหนึ่งกลไกหลักที่จะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคให้มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันเทรนด์การทำตลาดของกลุ่มอุปกรณ์ส่องสว่างหรือหลอดไฟจะไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนหลอดเมื่อหมดอายุการใช้งานดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา หากแต่เป็นการเปลี่ยนการใช้งานหลอดไฟตามฟังก์ชั่นการใช้งานแบบไหนมากกว่า ดังนั้นบริษัทจึงต้องมีการตอบโจทย์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายในการทำตลาด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มแอลอีดีออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งโคมไฟ หลอดไฟ หลอดไฟดาวน์ไลต์เป็นต้น โดยรุ่น เมสัน ถือเป็นรุ่นล่าสุดที่บริษัทเปิดตัวออกมาทำตลาดในช่วงนี้ โดยมีระดับราคาตั้งแต่ 149-229 บาท ก่อนที่จะมีไลน์อัพใหม่ๆเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องในปีหน้า

ดังนั้นสิ่งที่กระทบต่อตลาดผู้บริโภคทั่วไปเป็นลำดับแรกคือรูปแบบการทำตลาดที่จะสื่อสารไปยังผู้บริโภคที่ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย โดยจะต้องทำความเข้าใจเรื่องอายุการใช้งานและระยะเวลาในการเปลี่ยนการใช้งานหลอดไฟจะยาวนานขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อโอกาสทางการขายที่น้อยลง แต่มีข้อดีเรื่องฟังก์ชันเข้ามาประกอบ ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟกระพริบ หลอดไฟแบบ LED สามารถหรี่แสงปรับความสว่างได้ ,หลอดไฟ LED ที่มีสองสีในหลอดเดียวกันทั้งสีเหลืองและสีขาว ฯลฯ เข้ามารองรับตลาดแทน ดังนั้นแนวทางการทำตลาดที่สำคัญคือทำอย่างไรถึงจะสื่อสารเรื่องของฟังก์ชั่นที่มาพร้อมหลอดแอลอีดีให้ผู้บริโภคเข้าใจ เกิดการยอมรับ จนนำไปสู่การซื้อเพิ่ม

ปัจจัยลบที่กังวลเป็นเรื่องของเศรษฐกิจการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการลงทุนของภาครัฐและเอกชน ขณะที่ปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจเพื่อนบ้าน ผลกระทบจากเรื่องความน่าเชื่อถือและกำลังใจคือสิ่งสำคัญ เนื่องจากกลุ่มธุรกิจไลติ้งไม่ใช่สินค้าหรือกลุ่มธุรกิจแรกที่ประชาชนนึกถึงในสภาวะที่เศรษฐกิจผันผวน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,214 วันที่ 1 - 3 ธันวาคม 2559