การเคลื่อนไหวของธุรกิจครอบครัว กรณีศึกษานิวซีแลนด์

03 ธ.ค. 2559 | 01:00 น.
เกือบทุกประเทศจะมีบริษัทที่เป็นบริษัทครอบครัวอยู่ 60%-90% ของบริษัททั้งหมด บริษัทเหล่านี้มักมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศของตนเอง PwC ได้ทำการสำรวจธุรกิจครอบครัวทั่วโลก ในช่วงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2016 พบว่าธุรกิจครอบครัวในนิวซีแลนด์เป็นกลุ่มที่ดูเหมือนมีความเคลื่อนไหวมาก ในแง่ของการที่เจ้าของธุรกิจมีความตื่นตัวและมีมุมมองในแง่บวกต่ออนาคตและมีไอเดียใหม่ๆอยู่เสมอ ซึ่งจุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือธุรกิจครอบครัวในนิวซีแลนด์มีผลการดำเนินงานด้านการเงินที่มากขึ้น และมีการเติบโตอย่างรวดเร็วมากกว่าในประเทศอื่นทั่วโลก

โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาพวกเขาโตขึ้นถึง 42% ซึ่งเกือบจะเป็นสองเท่าของอัตราการเติบโตของธุรกิจครอบครัวทั่วโลกและมากขึ้นจากเดิมที่เติบโตเพียง 26% เมื่อสองปีที่แล้ว (ค.ศ. 2014) ทั้งนี้จุดแข็งอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดในธุรกิจครอบครัวคือความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของพวกเขา ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าธุรกิจอื่นทั่วไปที่ไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว ทั้งนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว จากการสำรวจพบว่า 70% เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าพวกเรามีการตัดสินใจที่รวดเร็วกว่าธุรกิจอื่นทั่วไปขณะที่ในปีนี้พบว่ามีถึง 82%

อย่างไรก็ตามเมื่อกล่าวถึงความเป็นผู้ประกอบการ จากผลการสำรวจยังอธิบายว่าพวกเขาก้าวล้ำหน้าธุรกิจอื่นทั่วไปอีกด้วย โดย 61% ของผู้ถูกสำรวจบอกว่าพวกเขาคิดว่าธุรกิจครอบครัวมีความเป็นผู้ประกอบการมากกว่าธุรกิจอื่นๆในนิวซีแลนด์ที่มีโครงสร้างแตกต่างออกไป ขณะที่ความต้องการที่จะเป็นผู้ประกอบการมีความตื่นตัวอย่างชัดเจนและมีมากมายในเหล่าธุรกิจครอบครัวในนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ผลการสำรวจยังพบว่าพวกเขามีโอกาสเสี่ยงน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆ ซึ่งจากที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นถือเป็นความท้าทายสำหรับธุรกิจครอบครัวในการที่พวกเขาต้องมีความเข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าจำเป็นต้องสร้างนวัตกรรมและทดลองสิ่งใหม่ๆ มากขึ้น

ขณะเดียวกันก็ต้องมองหาวิธีที่เสี่ยงน้อยที่สุดต่อผลการดำเนินงานของบริษัทด้วย และคำตอบง่ายๆก็คือ "Disrupt or be Disrupted" หมายถึงถ้าไม่เปลี่ยนเดี๋ยวจะมีคนมาเปลี่ยนให้เอง นั่นคือนวัตกรรมซึ่งเป็นเหมือนกระสุนเงินที่จะต่อกรกับอุปสรรคจากคู่แข่งและเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างไรก็ตามความกระหายความเสี่ยงของธุรกิจครอบครัวไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายนัก จากผลการสำรวจบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่ธุรกิจครอบครัวให้ความสำคัญอันดับแรกคือการเติบโตอย่างมั่นคงและการสร้างค่านิยมในระยะยาวสำหรับครอบครัวของพวกเขา ศักยภาพที่จะทำให้สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้มากกว่าบริษัทอื่นทั่วไป ตัวอย่างเช่น เจ้าของธุรกิจครอบครัวที่หาทางจะถ่ายโอนกิจการให้กับทายาทรุ่นต่อไปอย่างราบรื่นอาจมุ่งเก็บธุรกิจไว้ให้คงที่มากกว่าจะคิดต่างแหวกแนวออกไปจากโมเดลธุรกิจของบริษัท ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้อาจเป็นหน้าที่ของทายาทรุ่นต่อไปที่จะต้องพยายามสร้างนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมาให้ได้ ทั้งนี้ธุรกิจครอบครัวในนิวซีแลนด์ตระหนักดีว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีนวัตกรรม ขณะเดียวกันก็ตระหนักดีว่าไม่ควรห้ามไม่ให้ทายาทรุ่นต่อไปทำการตัดสินใจอย่างรวดเร็วในระยะสั้นด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังพบว่าโครงสร้างธุรกิจครอบครัวในนิวซีแลนด์ยังมีความแตกต่างอย่างมากจากที่อื่นทั่วโลก โดยมีแนวโน้มน้อยมากที่ผู้ถือหุ้นจะไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว ซึ่งจากผลการสำรวจพบว่ามีธุรกิจครอบครัวในนิวซีแลนด์ถึง 79% ที่ระบุว่าผู้ถือหุ้นทุกคนเป็นสมาชิกในครอบครัว (เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 66%) นอกจากนี้ยังพบว่าธุรกิจครอบครัวในนิวซีแลนด์มีโอกาสน้อยมากที่จะให้หุ้นแก่คนไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวที่กำลังทำงานในบริษัทซึ่งจากผลการสำรวจพบว่ามีเพียง 10% เท่านั้นที่ทำเช่นนั้น (ภาพที่ 1)ในขณะที่ธุรกิจครอบครัวเทียบทั่วโลกมีถึง 28%
ที่มา: PwC. 2016. Finding Balance: How New Zealand Family Businesses are Responding to
a Changing World. New Zealand Findings from the PwC Family Business Survey 2016. Available: http://www.pwc.co.nz/PWC.NZ/media/pdf-documents/private-business/Family-Business-Survey-2016.pdf

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,214 วันที่ 1 - 3 ธันวาคม 2559