‘อาลีบาบา’ทุ่ม 2 พันล้านหยวน ซื้อศูนย์การค้าซังเจียงของลาว

23 พ.ย. 2559 | 08:00 น.
อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง อี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน บรรลุข้อตกลงเข้าถือหุ้นใหญ่ในศูนย์การค้าสากลซังเจียงของสปป.ลาว โดยทุ่มเงินมากกว่า 2,000ล้านหยวน (ราว 1 หมื่นล้านบาท) ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมและระดมทุนเพิ่มเติม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อาลีบาบา บริษัทด้านอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน ประกาศเข้าซื้อกิจการและลงทุนเพิ่มในศูนย์กลางค้าสากล ซังเจียง ของกรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาชนลาว ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ อาลีบาบา ใช้เม็ดเงินรวมกันทั้งสิ้น 2,000 ล้านหยวน (ราว 1 หมื่นล้านบาท) โดยส่วนหนึ่งเป็นการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายเดิมมูลค่า 438.6 ล้านหยวน และอีก 1,520 ล้านหยวนซื้อหุ้นใหม่ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นการเพิ่มทุนของศูนย์กลางค้าสากล ซังเจียงของสปป.ลาว ในรูปแบบของหุ้นที่เสนอขายให้แก่อาลีบาบาเป็นการขายหุ้นแบบเจาะจง ซึ่งจากข้อตกลงนี้อาลีบาบาจะเป็นผู้ถือหุ้นในศูนย์กลางค้าสากล ซังเจียงของลาว ประมาณ 32 % อย่างไรก็ตาม อาลีบาบายังไม่ได้วางแผนในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่ม ต่อในอีก 12 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ จุดมุ่งหมายของแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบาและมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของจีน คือต้องการเข้ามาแทนที่ผู้จัดจำหน่ายต่างๆ ตลอดจนพ่อค้าคนกลาง และให้ร้านค้าซื้อจากผู้จัดส่งโดยตรง โดยตั้งเป้าที่จะรองรับการค้าทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งศูนย์กลางค้าซังเจียงของสปป.ลาว ถือเป็นแหล่งรวมสินค้าของประเทศจีนในราคาถูก ซึ่งมีมากกว่า 160 ร้านค้า และสินค้าส่วนใหญ่นำเข้ามาจากมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน

นอกจากการเข้าซื้อหุ้นในศูนย์การค้าสากลซังเจียงแล้ว ที่ผ่านมาอาลีบาบาเคยลงทุนในเชนร้านค้าปลีกอื่นๆ มาก่อน เช่น บริษัท Suning Commerce Group เชนค้าปลีกเครื่องใช้ภายในบ้านและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของจีน และ บริษัท Intime Retail Group เชนห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ในจีน เพื่อเสริมประสบการณ์การช็อปปิ้งออนไลน์ให้มีความสมจริงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการเปิดช่องทางการขายสินค้าใหม่ และพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์ ซึ่งอาลีบาบาและซังเจียงวางแผนที่จะร่วมกันรุกธุรกิจด้านการจัดซื้อจัดหาและโลจิสติกส์อีกด้วย

ศูนย์กลางค้าสากล ซังเจียงของสปป.ลาว ระบุว่า แหล่งช็อปปิ้งซังเจียงเป็นรูปแบบร้านค้าออฟไลน์และเป็นสถานที่ค้าขายให้กับกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ทางศูนย์การค้ายังตั้งใจจะใช้แพลตฟอร์มด้านอีคอมเมิร์ซของอาลีบาบาเพื่อช่วงการแข่งขันของร้านค้าปลีกที่สูงขึ้น ขณะที่การเข้าซื้อกิจการของอาลีบาบาในครั้งนี้จะทำให้อาลีบาบามีแพลตฟอร์มที่ดีในการเข้าถึงลูกค้าที่อยู่นอกประเทศจีน และเล็งเห็นว่าการซื้อสินค้าในรูปแบบออฟไลน์สามารถดึงดูดความสนใจให้กับลูกค้าไม่ต่างกับออนไลน์เช่นกัน

ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน อาลีบาบา รายงานว่า รายได้ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน เพิ่มขึ้น 55 % เป็น 3.43 หมื่นล้านหยวน จาก 2.217 หมื่นล้านหยวนในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บ่งชี้ให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนและธุรกิจการค้าปลีก ขณะที่รายได้จากธุรกิจค้าปลีกในต่างประเทศอยู่ที่ 1.34 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 178.6%

จำนวนผู้ซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มของอาลีบาบาเพิ่มขึ้นเป็น 439 ล้านคนในไตรมาส 2 หรือเพิ่มขึ้น 1.2% จาก 434 ล้านคนในไตรมาสก่อนหน้าที่สิ้นสุดเมื่อเดือนมิถุนายน ส่วนจำนวนผู้ใช้งานผ่านทางอุปกรณ์โมบายในไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 450 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.4% จาก 427 ล้านคนในไตรมาสเดือนมิถุนายน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,212 วันที่ 24 - 26 พฤศจิกายน 2559