จีนจ้องเสียบอสังหาฯลอนดอน หลังโหวตเบร็กซิทดูดทุนมังกรเข้าไปแล้วกว่า 2.6 หมื่นล้าน

21 พ.ย. 2559 | 14:00 น.
ระหว่างที่อังกฤษกำลังเข้าสู่กระบวนการเจรจาเพื่อเตรียมตัวแยกออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อให้เป็นไปตามผลประชามติที่หลายคนเรียกกันว่า Brexit Vote มีความกังวลกันว่าธุรกิจหลากแขนงจะโยกย้ายการลงทุนออกจากอังกฤษที่เคยเป็นศูนย์กลางการเงินของยุโรป แต่เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับทุนจีนจากแผ่นดินใหญ่ เพราะนับตั้งแต่ที่มีผลประชามติออกมา ปรากฏว่า เม็ดเงินลงทุนจากกลุ่มทุนจีนไหลเข้าสู่อังกฤษแล้วกว่า 600 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 2.67 หมื่นล้านบาท

สื่อต่างประเทศระบุว่า ล่าสุดในเดือนพฤศจิกายนนี้ ธนาคารที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในประเทศจีนจำนวน 4 รายได้ตกลงที่จะให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการพัฒนาที่ดิน “รอยัลอัลเบิร์ตด็อค” ย่านอู่ต่อเรืออีสต์เอ็นด์ของกรุงลอนดอน ให้กลายเป็นศูนย์กลางการเงินและศูนย์กลางธุรกิจของบริษัทจากเอเชีย โดยวงเงินสนับสนุนการก่อสร้างขั้นแรกนั้นอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านปอนด์(ส่วนมูลค่าโครงการอยู่ที่ 1,700 ล้านปอนด์หรือประมาณ 7.565 หมื่นล้านบาท) ข้อมูลจากบริษัทวิจัย ซีบีอาร์อี กรุ๊ปฯ ระบุว่าการลงทุนของจีนในโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศอังกฤษนั้นมีมาอย่างต่อเนื่องและทำลายสถิติที่เคยทำไว้ในปี 2558 โดยขณะนี้ตัวเลขขยับเข้าใกล้ 4,000 ล้านปอนด์ หรือ 1.78แสนล้านบาท ตามที่คาดการณ์กันไว้

ไมเคิลมาร์กซ์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูแอนด์ไอ กรุ๊ป ซึ่งทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอน ให้ความเห็นว่า ผู้ลงทุนชาวจีนมองว่าอังกฤษจะยังคงประคองตัวเองได้ดีแม้จะต้องออกจากอียู และในทางกลับกัน หากไม่เป็นอย่างที่คิด กลุ่มทุนจีนก็ยังต้องการใช้ลอนดอนเป็นฐานปฏิบัติการในภาคพื้นยุโรป เหตุผลเพราะว่า ลอนดอนใช้เวลายาวนานในการพัฒนาตัวเองเป็นศูนย์กลางการเงินของโลก ดังนั้นพวกเขาไม่คิดว่านครใหญ่แห่งนี้จะสูญเสียสถานะนั้นในชั่วเวลาเพียงข้ามคืน

เอบีพี ลอนดอน ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และซิติค กรุ๊ป คอร์ป. ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านการลงทุนในโครงการ“รอยัลอัลเบิร์ตด็อค” มีความหวังว่า อัตราค่าเช่าพื้นที่ซึ่งมีราคาลดลงพร้อมๆกับการอ่อนตัวของค่าเงินปอนด์หลังจากที่อังกฤษโหวตออกจากอียู จะเป็นสิ่งเร้าให้บริษัทจีนที่มุ่งหวังขยายธุรกิจมายังต่างประเทศและบริษัทอื่นๆในเอเชียอยากเข้ามาปักธงในโครงการนี้

ข้อมูลจากบริษัทวิจัย ซีบีอาร์อี ชี้ว่า นับตั้งแต่ที่อังกฤษลงประชามติขอแยกตัวออกจากอียู มีทุนจีนไหลเข้าสู่ลอนดอนแล้ว 600 ล้านปอนด์ หรือราว 2.67 หมื่นล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ไม่นับรวมเงินลงทุนจากผู้ลงทุนรายย่อย สำหรับดีลซื้อขายใหญ่ๆเมื่อไม่นานมานี้ได้แก่ บริษัท ไชน่า มินเฉิง อินเวสต์เมนท์คอร์ป. ซื้อสำนักงานใหญ่ธนาคารโซซิเยเต เจเนราล ในลอนดอนเป็นเงินถึง 84.5 ล้านปอนด์ บริษัท ไชน่า แวนเค ซื้ออาคารสำนักงานไรเดอร์คอร์ท.ในย่านเมย์แฟร์ เป็นเงิน 115 ล้านปอนด์ (กว่า 5,117 ล้านบาท) และบริษัท คิงบอร์ดเคมิคอล โฮลดิ้ง (ฝ่ายจีน) ซื้ออาคารมัวร์เพลส ย่านการเงินของลอนดอน เป็นเงิน 271 ล้านปอนด์ (กว่า 1.2 หมื่นล้านบาท) นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยเร้าที่ทำให้นักลงทุนเหล่านี้หลั่งไหลเข้ามาสู่อังกฤษคือ ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนลงมากเมื่อเทียบกับเงินหยวนและดอกเบี้ยที่ปรับลดลง

ไม่เฉพาะอาคารเชิงพาณิชย์ที่น่าดึงดูดใจ บ้านและอาคารที่พักอาศัยในกรุงลอนดอนก็เป็นที่ต้องการของผู้ลงทุนจากต่างแดน ในเดือนพฤศจิกายนนี้ กรีนแลนด์ โฮลดิ้งส์คอร์ป. อีกหนึ่งผู้ลงทุนจากจีน มองเห็นแนวโน้มดังกล่าวและประกาศเปิดตัวโครงการ “สไปร์ ลอนดอน” ในย่านแคนารี วาร์ฟ โดยอาคารแห่งนี้เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2563 จะเป็นอาคารที่พักอาศัยที่สูงที่สุดในยุโรป เพียงเปิดจอง 2 สัปดาห์แรก ก็มีผู้สนใจวางเงินดาวน์แล้วอย่างน้อย 7 ราย และทำยอดจองได้แล้วกว่า 200 ยูนิตจากทั้งหมดที่มี 861 ยูนิต โดยราคามีตั้งแต่ 6.93 แสนปอนด์เป็นห้อง 1 ห้องนอนไปจนถึง 1.9 ล้านปอนด์สำหรับ 3 ห้องนอน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผลตอบแทนการลงทุนจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต รวมทั้งปัจจัยด้านอุปสงค์อุปทานด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,211 วันที่ 20 - 23 พฤศจิกายน 2559