พฤกษาตั้งเป้า 3-5 ปีขึ้นผู้นำตลาดพรีเมียม

16 พ.ย. 2559 | 11:00 น.
พฤกษา ตั้งธงลุยตลาดพรีเมียมในปี 60 ชูแบรนด์ “ไอวี่-รีเสิร์ฟ-เดอะปาล์ม” เป็นหัวหอก ลั่น 3-5 ปี ครองมาร์เก็ตแชร์ 10-12% ขึ้นแท่นผู้นำ ประเดิมโครงการแรกย่านทองหล่อ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจพรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจพรีเมียมเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่บริษัทจะเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาด เพราะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2558 ตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท คิดเป็น 31% ของมูลค่าตลาดรวมที่อยู่อาศัยในกทม.และปริมณฑลคือ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มูลค่าตลาดของกลุ่มพรีเมียมอยู่ที่ประมาณ 64,654 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 22% ของมูลค่าตลาดรวมที่อยู่อาศัยใน กทม.และปริมณฑล 3.1 แสนล้านบาท และคาดว่ามูลค่าตลาดรวมของกลุ่มพรีเมียมในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 30-40% จากปัจจุบันสัดส่วนของตลาดพรีเมียมอยู่ที่กว่า 22-32% ของตลาดรวม

บริษัทจึงวางแผนรุกตลาดในกลุ่มนี้อย่างจริงจัง ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2559 ได้ปรับโครงสร้างองค์กรภายในโดยการจัดกลุ่มธุรกิจใหม่ออกเป็นกลุ่มธุรกิจแวลูและกลุ่มธุรกิจพรีเมียม มีการเพิ่มบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในตลาดดังกล่าวมาเสริมทีม รวมถึงแยกประเภทสินค้าของแต่ละกลุ่มธุรกิจอย่างชัดเจน ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าภายใน 3-5 ปี จะมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มพรีเมียมประมาณ 10-12% ซึ่งปัจจุบันเจ้าตลาดพรีเมียมมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ประมาณ 5-8%

“จากราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดพรีเมียมมีขนาดใหญ่ขึ้น หากพฤกษาต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีสินค้าให้ครบทุกเซ็กเมนต์และระดับราคา ซึ่งปัจจุบันบริษัทไม่มีมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มพรีเมียมเลย เพราะมุ่งเน้นพัฒนาแต่สินค้าระดับล่าง-กลาง แต่เมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลงบริษัทก็ต้องปรับตัว โดยที่ผ่านมาบริษัทเคยพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ระดับราคากว่า 1.6 แสนบาทต่อตารางเมตร ภายใต้แบรนด์ ไอวี่ , รีเซิร์ฟ , เดอะ ปาล์ม มาแล้ว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเชื่อว่าด้วยคุณภาพ ทำเลบวกกับดีไซน์ จะทำให้พฤกษาก้าวสู่เจ้าตลาดพรีเมียมในระยะเวลา 3-5 ปีได้ไม่ยาก”

ทั้งนี้ ระดับราคาของสินค้าในกลุ่มพรีเมียมของบริษัทแบ่งออกเป็น บ้านเดี่ยวระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ระดับราคามากกว่า 7 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมระดับราคาเริ่มต้น 2.5-3 แสนบาทต่อตารางเมตร สำหรับแผนการดำเนินงานในกลุ่มพรีเมียมปี 2560 บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่จำนวน 4-5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 9,500 ล้านบาท ซึ่งมีที่ดินเตรียมพร้อมพัฒนาหมดแล้ว โดยจะประเดิมโครงการแรกที่ทองหล่อ มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมราคาขายกว่า 2.5 แสนบาทต่อตารางเมตร

กลุ่มลูกค้าหลักยังคงมุ่งเน้นที่คนไทยประมาณ 80-90% ที่เหลือจะเป็นตลาดต่างชาติ โดยมองตลาดในแถบเอเชียเป็นหลัก เช่น ฮ่องกง เนื่องจากปัจจุบันโครงสร้างของอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลง จากเดิมที่เป็นตลาดที่ซื้ออาศัยจริง สู่การซื้อเพื่อการลงทุนมากขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาว เช่น ปล่อยเช่าหรือเก็งกำไรระยะยาว

แหล่งข่าวจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า การที่บริษัทหนึ่งซึ่งชำนาญตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มใดก็ตาม หากจะขยายฐานเจาะกลุ่มใหม่ๆ ก็จะต้องสร้างและดีไซน์แบรนด์ใหม่ให้กลุ่มลูกค้าเห็นถึงความแตกต่าง โดยที่จะแยกการบริหารภายใต้บริษัทลูก หรือเป็นซับแบรนด์ในบริษัทก็ได้ อย่างเช่นกรณี แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จัดตั้งบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ เพื่อรุกตลาดที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ ภายใต้แบรนด์ Q Twelve บ้านหรูราคามากกว่า 100 ล้านบาท, ลัดดารมย์ อิลิแกนซ์ และคาซ่า เลเจ้นต์ ในระดับราคากว่า 15 ล้านบาทขึ้นไป หรือ แสนสิริ ที่จะมีแบรนด์ บุราสิริ สำหรับกรณีพฤกษา ต้องสร้างแบรนด์ระดับบนที่มีดีไซน์หรูหรา และทำเลที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ที่สำคัญจะต้องมีฐานลูกค้าระดับกลางที่ต้องการขยับขยายไปอยู่โครงการที่พรีเมียมหรือหรูหรามากขึ้นตามสถานะมราเปลี่ยนไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,209 วันที่ 13 - 16 พฤศจิกายน 2559