ไตรมาสที่ 3 การบินไทยขาดทุนจากการดำเนินงานธุรกิจการบินลดลง 80.3%

12 พ.ย. 2559 | 00:10 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ประจำปี 2559 ขาดทุนจากการดำเนินงานธุรกิจการบิน (Operating Loss) จำนวน 836 ล้านบาท (ขาดทุนลดลงจากปีก่อน 80.3%) ประกอบกับบริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน จำนวน 624 ล้านบาท แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจำนวน 120 ล้านบาท ส่งผลให้ขาดทุนสุทธิ 1,591 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการดำเนินการตามแผนปฏิรูปองค์กรอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลประกอบการเก้าเดือนแรกของปี 2559 มีกำไรจากการดำเนินธุรกิจการบินจำนวน 4,560 ล้านบาท ดีขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนที่ขาดทุนถึง 4,536 ล้านบาท

นายจรัมพร  โชติกเสถียร  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ ยังคงดำเนินกลยุทธ์ตามแผนปฏิรูปองค์กรระยะที่ 2 “สร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขัน” ต่อเนื่องมาจากไตรมาสก่อน เช่น การปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้หน่วยธุรกิจ และยังได้เน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารรายได้ และการให้บริการ เช่น ระบบบริหารราคา   (Fare Management System) เพื่อกำหนดราคาในเส้นทางต่างๆ ได้รวดเร็วและสามารถแข่งขันได้ ระบบการบริหารโครงข่ายเส้นทางบิน (Route Network Management System) เพื่อเพิ่มการเชื่อมโยงเส้นทางบินให้ดีขึ้น รวมทั้งระบบการให้บริการ เพื่อมุ่งบูรณาการให้งานบริการในทุกจุดสัมผัสสู่ความเป็นเลิศอย่างครบวงจร (Service Ring) เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 ของการปฏิรูปเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) ในปี 2560 นอกจากนี้ในไตรมาสนี้ยังได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ ให้ดำเนินการปรับปรุงอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ในห้องโดยสารบนเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER จำนวน 6 ลำ ตามแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ระยะยาว 10 ปี ซึ่งจากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และการบริการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลสายการบินยอดเยี่ยมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Best South-East Asian Airline 2016) จาก TTG Travel Awards เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน

ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ รับมอบเครื่องบินแอร์บัส A350-900XWB 1 ลำ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2559 และปลดประจำการเครื่องบินเช่าดำเนินงานโบอิ้ง 777-200 1 ลำ ทำให้จำนวนเครื่องบินที่ใช้ในการดำเนินงาน ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 มีจำนวน 94 ลำ ลดลง 1 ลำ เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 แต่มีอัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบิน (Aircraft Utilization) เพิ่มขึ้นเป็น 11.6 ชั่วโมง จาก 10.8 ชั่วโมง ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 5.50 ล้านคน สูงกว่าปีก่อน 7.6%

ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ประจำปี 2559 บริษัทฯ และบริษัทย่อย ขาดทุนจากการดำเนินงาน (Operating Loss) 836 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากปีก่อนถึง 3,403 ล้านบาท (80.3%) สาเหตุหลักเนื่องจากค่าน้ำมันเครื่องบินลดลง 5,504 ล้านบาท (33.6%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยลดลง 15.3% และการบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมน้ำมันสูงขึ้น 6.7% จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น  และมีค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยานเพิ่มขึ้นจากอัตราค่าซ่อมเครื่องยนต์ และการส่งซ่อมอะไหล่เครื่องยนต์สูงกว่าปีก่อน ถึงแม้ว่าการยกเลิกการเรียกเก็บอัตราค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมันเกือบทุกพื้นที่ที่ทำการขายบัตรโดยสาร ทำให้รายได้ค่าโดยสารและน้ำหนักส่วนเกินลดลง 919 ล้านบาท (2.5%) แต่รายได้ค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์เพิ่มขึ้น 189 ล้านบาท (4.3%) และรายได้การบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้นจากทุกหน่วยธุรกิจ

ในไตรมาสนี้มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินจำนวน 624 ล้านบาท แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 120 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย ขาดทุนสุทธิ 1,591 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากปีก่อน 8,303 ล้านบาท (83.9%) โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 1,601 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.73 บาท เปรียบเทียบกับปีก่อนที่ขาดทุน 4.54 บาท

ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 287,356 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2558 จำนวน 15,115 ล้านบาท (5.0%) จากการชำระคืนเงินกู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวการขายเครื่องบินที่ปลดระวาง และการสำรองด้อยค่าเครื่องบินเพิ่มขึ้นในปีนี้ หนี้สินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เท่ากับ 253,878 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 จำนวน 15,667 ล้านบาท (5.8%) และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 33,478 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2558 จำนวน 552 ล้านบาท (1.7%)