วันนี้ (28 ต.ค. 59) นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เปิดเผยว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ให้ความคุ้มครองและส่งกลับชาวกัมพูชา จำนวน 9 คน ผ่านทางด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันอังคารที่ 18 ตุลาคม 2559 โดยก่อนส่งตัวกลับชาวกัมพูชาดังกล่าวอยู่ในความคุ้มครองดูแลของสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จังหวัดระนอง 8 คน ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่ถูกล่อลวงให้ไปทำงานเป็นลูกเรือประมง ได้รับการช่วยเหลือในน่านน้ำจังหวัดระนอง และผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจำนวน 1 คน อยู่ในความคุ้มครองของสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จังหวัดปทุมธานี ซึ่งหลังจากที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ให้การบำบัดฟื้นฟู ฝึกทักษะอาชีพ สนับสนุนเงินช่วยเหลือเป็นค่าครองชีพและสืบพยานล่วงหน้าในชั้นศาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้แจ้งไปยังกระทรวงกิจการสังคมทหารผ่านศึกและฟื้นฟูเยาวชน ประเทศกัมพูชา และสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ตามกระบวนการส่งกลับผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และกลุ่มเสี่ยงระหว่างรัฐต่อรัฐ
กระบวนการส่งกลับผู้เสียหายฯ กลับภูมิลำเนา หรือประเทศต้นทาง กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้เน้นความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งครั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ประสานงานกับศูนย์ส่งต่อเพื่อรับบริการ (Transit Centre) กระทรวงกิจการสังคมทหารผ่านศึกและฟื้นฟูเยาวชน ประเทศกัมพูชา หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนไทย–กัมพูชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกและคุ้มครองสวัสดิภาพทั้ง 9 คน ให้ได้รับความปลอดภัย มากที่สุด ทั้งนี้ เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เรื่อง ความร่วมมือทวิภาคีว่าด้วยการขจัดการค้ามนุษย์และการคุ้มครองเหยื่อการค้ามนุษย์ โดยระบุชัดเจนในเรื่องของการส่งกลับว่า ภาคีคู่สัญญาจะพยายามทุกวิถีทางเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อให้ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์กลับคืนสู่ครอบครัวและสังคมได้อย่างปลอดภัย
"จากกรณีการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว เอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ได้ส่งหนังสือแสดงความชื่นชมและขอบคุณกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำจุดยืนการดำเนินงานของรัฐบาลไทยว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร สัญชาติใดก็ตาม หากอยู่ในแผ่นดินไทย และประสบปัญหา กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะให้ความคุ้มครองดูแลโดยยึดหลักสิทธิมนุษยชนและคำนึงถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เป็นสำคัญ” นายไมตรี กล่าวในตอนท้าย