บอร์ดคลองจั่นลุ้นชงครม.กู้เงินหมื่นล้านต่อทุน

27 ต.ค. 2559 | 10:00 น.
แผนฟื้นฟูกิจการ “สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น” คืบหน้า คาดชงครม. พิจารณาแหล่งเงินกู้ 1หมื่นล้าน ต้นพ.ย. ด้าน“อธิบดี”กรมส่งเสริมฯลั่นอยากให้สรุปทันสิ้นปี ขณะที่บอร์ดลุ้นศาลแพ่ง 25 พ.ยหวังได้เงินกว่า 2 พันล้านใช้หมุนเวียนบางส่วน

ระหว่างที่คณะกรรมการ(บอร์ด)ฟื้นฟูกิจการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เร่งหาเงินจำนวน 700 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้คืนสมาชิกงวดที่ 2 ตามแผนที่กำหนดไว้คือช่วงสิ้นปี 2559 หลังจากที่ผ่านมาจ่ายคืนงวดแรกไปแล้วเกือบ 700 ล้านบาท

นายประกิต พิลังกาสา ประธานกรรมการบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ขณะนี้บอร์ดฯสหกรณ์คลองจั่นได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมส่งเสริมสหกรณ์เพื่อเร่งหาแหล่งเงินกู้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อจะนำมาใช้หมุนเวียนตามแผนฟื้นฟูฯ โดยขั้นตอนหาแหล่งเงินนั้น ที่ผ่านมาตัวแทนของรัฐบาลยืนยันจะหาเงินจำนวนประมาณ 1 หมื่นล้านบาทให้กับสหกรณ์ แต่เวลานี้ทราบว่ายังเป็นการหารือระหว่างหน่วยงานเกี่ยวกับวิธีได้มาซึ่งวงเงินดังกล่าว ส่วนหนึ่งคือการกู้จากสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยเท่าที่ทราบ ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังหาแนวทางกันอยู่ แต่ในหลักการนั้นจะต้องได้ข้อสรุปภายในกลางเดือนตุลาคมนี้ เพื่อที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะได้ส่งเรื่องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จากนั้นจึงจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ภายในต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

“บอร์ดต้องขอความกรุณาจากปลัดกระทรวงการคลัง ช่วยนำเสนอหรือพิจารณาเรื่องเงินกู้จากแบงก์รัฐ เพราะเป็นความจำเป็นเร่งด่วนของสหกรณ์สมาชิก ซึ่งอยากให้ได้ผลสรุปเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ แม้ว่าจะหาเงินมาไม่ถึงจำนวนเงิน 1 หมื่นล้านบาทก็ตาม”

ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับ คดีแพ่ง(หมายเลขคดี1674) ซึ่งศาลนัดฟังคำสั่งพิพากษาวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 โดยคดีนี้เป็นความหวังที่จะทำให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมีเงินจากคดีนี้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือปปง.อายัดไว้ ซึ่งทางบอร์ดฯได้ยื่นขอความคุ้มครองชั่วคราวและยื่นได้ฟ้องดำเนินคดีกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกับพวกอีก 18คน หากศาลมีคำสั่งที่เป็นผลบวกต่อสหกรณ์ จะทำให้บอร์ดฯมีเงินส่วนหนึ่งเข้ามาเพื่อใช้หมุนเวียนตามแผนฟื้นฟูกิจการ

ต่อข้อถามการติดตามทรัพย์สินคืนจากการดำเนินคดีนั้น นายประกิตกล่าวว่า ในส่วนของบอร์ดฯได้ฟ้องคดีแพ่งรวม 6 คดี ซึ่งที่มีทุนทรัพย์ใหญ่มีเพียง 2 คดีคือ คดี 1674 ทุนทรัพย์ฟ้อง 2,000-3,000 ล้านบาท และคดี 4462 ทุนทรัพย์ฟ้องกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการฟ้องเพื่อให้จำเลยชดใช้ความเสียหาย แต่ทรัพย์สินที่ยึดมีประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท โดยคดี 4462นั้น ศาลแพ่งนัดไต่สวนไปเพียง 2ครั้ง(เมื่อ 4ต.ค.และ11ต.ค.ที่ผ่านมา)กำหนดสอบปากคำทั้งโจทย์และจำเลยทั้งหมด 41 คน เชื่อว่าจะใช้เวลาข้ามไปปี 2560 ที่เหลือเป็นคดีย่อยอีก 700-800 ล้านบาท ซึ่งศาลตัดสินให้อดีตประธานฯชดใช้ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาสหกรณ์ฯได้รับเงินจากกองทุนศิษย์วัดพระธรรมกายมาแล้ว 684 ล้านบาท ดังนั้น อดีตประธานสหกรณ์ฯต้องรับชดใช้ในส่วนที่เหลืออีกกว่า 100 ล้านบาท

ส่วนกรณีแผนฟื้นฟูกิจการกำหนดจะต้องจ่ายเงินคืนแก่สมาชิกสหกรณ์ งวดที่ 2 รวมเงินปันผลอีกประมาณ 600-700 ล้านบาทภายในเดือนธันวาคม 2559นี้ ทางบอร์ดมีเงินพร้อมนำจ่ายอยู่แล้ว หลังจากที่ผ่านมาได้จ่ายเงินงวดแรกไปแล้วเกือบ 700 ล้านบาท

ด้านนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า การประสานเรื่องแหล่งเงินนั้น ส่วนตัวอยากให้สรุปก่อนสิ้นปี โดยกระบวนการหาแหล่งเงินได้วางไว้หลายแนวทางเช่น ขณะนี้อยู่ระหว่างขอความเห็นเกี่ยวกับเงื่อนไขการเจรจากู้เงินบางส่วนจาก ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) อีกส่วนมาจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่จะนำเงินมาช่วยตัวเอง และแนวทางเพื่อนช่วยเพื่อนคือ การจัดตั้งกองทุนกับสหกรณ์สมาชิกโดยอยู่ในขั้นตอนศึกษาข้อกฎหมายและเงื่อนไข รวมทั้งขอความรู้กับกระทรวงการคลัง คือ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)

“ ตามแผนของการฟื้นฟูนั้น แม้ว่าสหกรณ์จะมีทรัพย์สินอยู่ ซึ่งจะเป็นเงินส่วนหนึ่งเข้ามาช่วยตัวเอง แต่ยังจำเป็นต้องมีเงินหมุนเวียนระหว่างฟื้นฟูกิจการซึ่งภาครัฐพยายามกันอยู่คือ เร่งหาแหล่งเงินกู้โดยขอความเห็นจากออมสินกับธ.ก.ส.เกี่ยวกับเงื่อนไขในการกู้บางส่วน ,แนวทางจัดตั้งกองทุนของสหกรณ์สมาชิก ทางรองอธิบดีได้พูดคุยกับธปท.และสศค.บางส่วนแล้ว สำหรับผมอยากได้ข้อสรุปเสร็จสิ้นก่อนสิ้นปี เพราะสมาชิกของสหกรณ์แห่งนี้เจ็บตัวกันมาพอสมควร”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,204 วันที่ 27 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559