ไม่หวั่นทัวร์จีนติดลบ 4.22%

27 ต.ค. 2559 | 05:00 น.
จับชีพจรท่องเที่ยวไตรมาส 4 ททท.ชี้แม้เดือนตุลาคมสัญญาณทัวร์จีนติดลบ 4.22% แต่ตลาดอื่นยังไปได้มั่นใจท่องเที่ยวปีนี้ยังเป็นกลไกหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้ง ชู 3 โครงการเกี่ยวข้องกับพระราชดำริ หนุนเอกชนเสนอขายแพ็กเกจ “สทท.” ชี้กระทบแค่บางตลาด ด้าน“กอบกาญจน์” ชี้แจงทูตทั่วโลก

[caption id="attachment_108944" align="aligncenter" width="500"] นักท่องเที่ยวชาวจีน ยังนิยมมาเท่ยวพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นจำนวนมากถึงแม้การปราบปรามทัวศูนย์เหรียญจะมีผลทำให้นักท่องเที่ยวเสียไปบางส่วน นักท่องเที่ยวชาวจีน ยังนิยมมาเท่ยวพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นจำนวนมากถึงแม้การปราบปรามทัวศูนย์เหรียญจะมีผลทำให้นักท่องเที่ยวเสียไปบางส่วน[/caption]

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากการสำรวจแนวโน้มการท่องเที่ยวของประเทศไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (ตุลาคม-ธันวาคม) พบว่าแม้ในเดือนตุลาคมนี้จะเริ่มเห็นสัญญาณการเดินทางมาเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวจีนลดลง โดยตั้งแต่วันที่ 1-19 ตุลาคม 2559 ถือเป็นเดือนแรกของปีนี้ที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนติดลบอยู่ 4.22% โดยมีนักท่องเที่ยวจีน 3.21 แสนคน ลดลงหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ซึ่งมีจำนวน 3.35 แสนคน

อันเป็นผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญของรัฐบาล ประกอบกับเพิ่งจะผ่านพ้นวันชาติจีนไป แต่ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น เพื่อยกระดับทัวร์คุณภาพเพิ่มขึ้น และเมื่อรวมตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่ต้นปี ก็มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยแล้ว 7.60 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17.85% ทำให้ประเมินว่าตลอดทั้งปีนี้นักท่องเที่ยวจีนยังคงขยายตัวไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 7.93 ล้านคน โดยคาดว่าในปีนี้น่าจะอยู่ที่ระหว่าง 8.39-9.2 ล้านคน ขยายตัว 13-16% แต่อาจจะไม่ถึง 10 ล้านคนเหมือนที่คาดไว้แต่แรก

นายยุทธศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนของตลาดอื่น ๆ ตอนนี้จากการสอบถามล่าสุดไปยังสำนักงานของททท.ในต่างประเทศ ก็ยังได้รับการยืนยันว่าในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะยังไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญเหมือนตลาดจีน ซึ่งตลาดยังไปได้เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติมีความเข้าใจต่อบรรยากาศการโศกเศร้าของประเทศไทยในช่วงนี้ ที่มีการยกเลิกกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ แต่ปรับรูปแบบกิจกรรมมาให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมถวายอาลัยไปพร้อมๆ กับคนไทย

ประกอบกับจากสถิตินักท่องเที่ยวล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-16 ตุลาคม 2559 พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทยแล้ว 26.01 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12.10% สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1.29 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.91% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ดังนั้นในช่วง 3 เดือนนี้หากเราอิงบนพื้นฐานจำนวนนักท่องเที่ยว เทียบเท่ากับช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2558 ก็จะอยู่ที่ราว 7 ล้านคน

ดังนั้นตลอดทั้งปีนี้ ก็คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทยตลอดทั้งปีนี้ตามเป้าหมายที่ราว 32 ล้านคน ขยายตัวอยู่ที่ราว 6-7%เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ที่อยู่ที่ 29.8 ล้านคน ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.3-2.4 ล้านล้านบาท (รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทย) เพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้อยู่ที่ 2.23 ล้านล้านบาททำให้การท่องเที่ยวยังคงเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอยู่

สำหรับการทำตลาดและส่งเสริมการท่องเที่ยวจุดหลักจะเน้นการร่วมมือกับภาคเอกชน ปรับวิธีการเสนอขายการท่องเที่ยว เพื่อผลักดันให้เกิดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เพื่อมาทดแทนการใช้จ่ายที่ลดลงไปบ้างจากในบางกิจกรรมที่ถูกยกเลิกไป โดยจะเน้นใน 3 โครงการทั้งการกระตุ้นตลาดต่างประเทศและไทยเที่ยวไทยที่จะเริ่มขายตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า

โครงการแรก คือ การร่วมมือกับภาคเอกชน ปรับแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ จะเปลี่ยนแนวคิดจากการเที่ยวข้ามภาค มาเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในโครงการพระราชดำริ โดยเน้น 70 เส้นทางตามรอยพระบาท ที่ททท.ได้จัดทำขึ้น โครงการที่ 2 คือ โครงการท่องเที่ยวด้วยใจรักและภักดี โดยมีเป้าหมายดึงกลุ่มเยาวชน ไม่น้อยกว่า 2 แสนคน หรือภาคละ 4 หมื่นคน โดยจะสนับสนุนให้บริษัททัวร์ นำเสนอแพ็กเกจไปยังโรงเรียนต่างๆ เพื่อจัดทัศนศึกษาในพื้นที่โครงการพระราชดำริต่างๆ ซึ่งกลุ่มนี้จะเข้ามากระตุ้นให้เกิดบรรยากาศในการเดินทางท่องเที่ยวได้ และสุดท้ายคือ โครงการโฮมคัมมิ่ง โดยเป็นแผนงานที่สำคัญงานททท.ในต่างประเทศ จะโปรโมทให้คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ เดินทางมาเที่ยวตามโครงการในพระราชดำริต่างๆ

ขณะที่การจัดกิจกรรมใหญ่ในช่วงปลายปีนี้ อย่างงานเคาต์ดาวน์ปีใหม่ ททท.มีแนวคิดว่าอยากให้คนไทยนับแสนคน ได้ร่วมสร้างปรากฏการณ์การจุดเทียนเคาต์ดาวน์ร่วมกันบริเวณพระที่นั่งอนันต์สมาคมถึงท้องสนามหลวง เพื่อให้การจัดกิจกรรมเคาต์ดาวน์ของไทยถูกนำเสนอเป็นภาพการจัดกิจกรรมเคาต์ดาวน์ทั่วโลก เหมือนปีที่ผ่านมาที่ททท.จัดงานขึ้นที่วัดอรุณราชวนาราม ซึ่งปีนี้จะปรับรูปแบบมาเป็นการจุดเทียน เพื่อสื่อถึงแสงเทียนแห่งความจงรักภักดี ปรับรูปแบบจากเดิมที่เป็นการจุดพลุเคาต์ดาวน์ ส่วนกิจกรรมที่ยังคงไว้คือเรื่องของการสวดมนต์ข้ามปี

นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ของไทย อาจจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน จากปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นหลัก ส่วนเรื่องของผลกระทบจากการยกเลิก เลื่อนการจัดงานต่างๆ ก็อาจมีบางตลาดที่ได้รับผลกระทบบ้าง อย่าง นักท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งนิยมจัดงานฉลองมงคลสมรสในประเทศไทย ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ จะเป็นนักท่องเที่ยวยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลางในขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็ต้องปรับวิธีการทำงานภายใน
โดยต้องปรับโปรดักซ์ในการขายทัวร์ให้เหมาะสม อย่างในช่วงนี้พระบรมมหาราชวัง อาจจะยังเข้าชมไม่ได้ ก็แนะนำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมโบราณสถานอื่นๆแทน

อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมานางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เชิญเอกอัครราชทูต และผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ กว่า 34 ประเทศ รวมถึงผู้แทนจากหอการค้าต่างประเทศ และสมาคมต่างประเทศอีก 18 แห่งเข้าร่วม จิบน้ำชายามบ่าย (อาฟเตอร์นูนที) ที่โรงแรมดุสิตธานี เพื่อชี้แจงข้อมูลข่าวสาร ข้อพึ่งปฏิบัติ ขณะอยู่ที่ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ต่างชาติ

นอกจากนี้วันที่ 26 ตุลาคม รมว.ท่องเที่ยวฯ ยังได้เชิญผู้บริหารระดับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ขององค์กรภาคเอกชนขนาดใหญ่เข้าร่วมหารือเป็นการภายในราว 8-9 บริษัท อาทิ นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัทการบินไทยจำกัด(มหาชน)นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ปจำกัด เป็นต้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,204 วันที่ 27 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559