สั่งฟันเรียบเว็บหมิ่นสถาบัน สแกนยิบ 24 ชั่วโมง‘สื่อออนไลน์-โซเชียลมีเดีย’

25 ต.ค. 2559 | 09:00 น.
“ประจิน” ยืนยันกระทรวงดิจิทัลฯ ปกป้องสถาบัน ผนึกกำลังหน่วยงานภาครัฐตั้งคณะทำงาน เฝ้าระวัง จัดการกับผู้กระทำความผิดกฎหมายกรณีที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน รวมถึงการยุยงปลุกปั่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ พร้อมตรวจสอบข้อมูลที่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ เดินหน้าโครงการขับเคลื่อนตามแผนฯ รวมทั้งผลักดันกฎหมายอีก 3 ฉบับให้แล้วเสร็จภายในธันวาคมนี้

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยที่ผ่านมาได้มีการติดตามตรวจสอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีเนื้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งภาครัฐ อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยกระทรวงมีหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านนี้โดยตรง คือกองป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ(ปท.) ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

โดยการใช้อำนาจตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 26/2557 ให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เดิม) แต่งตั้งบุคคลเป็นคณะทำงานด้านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อตรวจสอบ ระงับ และใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อันเกี่ยวเนื่องกับการปลุกระดม ยั่วยุ สร้างความรุนแรงความไม่น่าเชื่อถือและไม่เคารพกฎหมายตลอดจนต่อต้านการปฏิบัติงานของ คสช.ในการดำเนินการ กรณีเป็นการละเมิดต่อสถาบัน หากเว็บดังกล่าวเข้าข่ายให้สามารถปิดได้ทันที

นอกจากนั้น กระทรวงยังมีศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์หรือ CSOC (Cyber Security OperationCenter) ตั้งอยู่ที่อาคาร 9 บริษัท ทีโอทีจำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนน แจ้งวัฒนะ ภายใต้การกำกับดูแลของปท.สำนักงานปลัดกระทรวงดีอี ผนวกการทำงานกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทาง เทคโนโลยี (ปอท.) ของ สตช. เพื่อคอยติดตาม เฝ้าระวัง ข้อความในสื่อออนไลน์ต่างๆ รวมถึงสื่อโซเชียลมีเดีย (SocialMedia) ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีบุคลากรในการดำเนินงานร่วม 100 คน ซึ่งในการดำเนินการนั้นหากพบเห็นประเด็นไมเหมาะสมที่กระทำภายในประเทศ พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถประสานงาน เจรจาและดำเนินการปิดได้ทันที แต่ถ้าเป็นประเด็นไม่เหมาะสมที่มีแหล่งข้อมูลจากต่างประเทศ กระทรวงดีอีได้ประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในการติดตามข้อมูล หากมีประเด็นเป็นเรื่องกฎหมาย กระทรวงจะมีการประสานงานไปยังสถานทูตเพื่อเจรจาหารือในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน

อย่างไรก็ดีในช่วงหลังจากวันที่ 14 ตุลาคม 2559 เป็นต้นมา พบว่า มีเว็บที่หมิ่นสถาบันประมาณ 50-60 ยูอาร์แอล (URL) และสามารถจับกุมได้บางส่วน ซึ่งเว็บดังกล่าวยังมีการกระจายไปในยูอาร์แอลอื่นอีก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเว็บเพจที่มีผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP)ของต่างประเทศ ส่วนเว็บไซต์ที่เป็นเว็บของไทย กระทรวงจะมีการตรวจสอบหากเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคง และกรณีละเมิดต่อสถาบัน กระทรวงสามารถใช้อำนาจกฎหมายตามประกาศของ คสช.ปิดเว็บที่ไม่เหมาะสมได้ทันที กรณีเว็บไซต์ที่พบว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ที่ระบุความผิดเกี่ยวกับลามก อนาจารหมิ่นสถาบัน ต้องมีการตรวจสอบเพื่อหาหลักฐาน โดยจะส่งเรื่องมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เพื่อตรวจสอบก่อนส่งเรื่องต่อไปยังศาลเพื่อขออำนาจศาลและแจ้งไปยังผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศโดยเร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการในต่างประเทศอย่างเต็มที่”

พล.อ.อ.ประจิน กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับการดำเนินงานนั้น จะแบ่งเป็น 3 ส่วนได้แก่วงใน คือ ผู้ที่เริ่มต้นจัดทำและเผยแพร่เว็บไซต์ จะดำเนินการตามกฎหมายส่วนวงกลาง คือ กลุ่มที่กดไลก์ กดแชร์และวงนอก คือ ผู้ชมทั่วไป ทั้ง 2 กลุ่มนี้เราจะทำความเข้าใจพร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดีดังกล่าว โดยขอให้หยุดดู หยุดไลก์หยุดแชร์เพราะอาจจะได้รับโทษทางกฎหมายด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

นอกจากนั้นยังได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวงดีอี และเร่งรัดการดำเนินงานสำคัญๆ เช่น การเพิ่มอัตรากำลัง การโอนงาน การโอนงบประมาณ รวมไปถึงการดำเนินงานด้านการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ตามแผนงานต่อไป ส่วนเรื่องร่างกฎหมายอีก 3 ฉบับที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งได้แก่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และ พ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ นั้น จะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมศกน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,203 วันที่ 23 - 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559