เครื่องใช้ไฟฟ้าชิงเค้กท้ายปี ‘แอลจี-ฟิลิปส์’สาดแคมเปญรับตลาดฟื้นกำลังซื้อพุ่ง

23 ต.ค. 2559 | 10:00 น.
ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าไตรมาส 4 ส่งสัญญาณบวกปิดท้ายปี “แอลจี”จ่ออัดแคมเปญกระทุ้งยอดรับความต้องการช่วงปีใหม่ ชี้กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กผลิตภัณฑ์หลักดันตลาดโต ขณะที่ “ฟิลิปส์” ไม่น้อยหน้าเปิดตัวโคมไฟดาวน์ไลต์ “เมสัน” รุกตลาดโค้งท้ายหวังกระตุ้นการรับรู้ผู้บริโภคเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีฯ

นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจีอีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า “แอลจี” เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมมูลค่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า 1 แสนล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตราว 5% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ดี เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ภาพรวมตลาดมีการติดลบ โดยการเติบโตของตลาดในปีนี้เป็นการขับเคลื่อนจากกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่ซื้อเป็นของขวัญในชว่ งเทศกาลปีใหม ่ รวมถึงกลุม่ ทีวีจอภาพขนาดกลางและใหญ่ หรือตั้งแต่40 นิ้วขึ้นไปที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกมาซึ่งจะทำให้ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งปีมีการเติบโตประมาณ 3-5%

ขณะที่กลุ่มเครื่องปรับอากาศมูลค่า2.5 หมื่นล้านบาท ยังคงเป็นกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโต 30% ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่ร้อนในช่วงต้นปีที่ผ่านมาประกอบกับผู้บริโภคมองว่าเป็นสินค้าที่จำเป็นสำหรับเมืองร้อน ขณะที่กลุ่มเครื่องซักผ้ามูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 5% มาจากการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆโดยเฉพาะขนาดถังซักขนาดใหญ่ ส่วนตู้เย็นมีมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโต5% ส่วนสินค้าในกลุ่มทีวี มูลค่า 4 หมื่นล้านบาทในปีนี้ แม้ว่าจะมีการแข่งขันของฟุตบอลยูโรแต่ไม่ช่วยให้ตลาดมีการเติบโตมากนัก แต่ยังนับว่าดีกว่าปีที่ผ่านมา หรือติดลบประมาณ 1-2% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ติดลบ 5-6%

ทั้งนี้แนวโน้มกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงไตรมาส 4 นี้มองว่าเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ผ่านมาโดยมีปัจจัยบวกมาจากปัจจัยลบต่างๆ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ขณะที่ในส่วนของกำลังซื้อของผู้บริโภคก็เริ่มดีขึ้นตามไปด้วย กอปรกับการจัดแคมเปญโปรโมชันลด แลก แจก แถม และผ่อน0% ที่แต่ละค่ายเปิดตัวมาช่วงปลายปีก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ตลาดมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น

“ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเป็นช่วงฤดูฝนซึ่งไม่ใช่หน้าขายของสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความไม่สะดวกในการเดินทางเข้ามาจับจ่ายสินค้าในช่วงหน้าฝนของกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย”

ในส่วนของแผนการทำตลาดของบริษัทในช่วงโค้งท้ายนี้ มีแผนในการจัดแคมเปญหรือโปรโมชันออกมากระตุ้นการจับจ่าย อีกทั้งยังเป็นการรองรับความต้องการในช่วงปลายปี โดยเตรียมจัดแคมเปญใหญ่ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินงานและยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งแคมเปญนี้จะครอบคลุมกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกหมวดหมู่ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่และเล็กไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าทีวีที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยวางเป้าหมายรายได้ในปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตที่ 5% ตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือคิดเป็นมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตามยังได้คาดการณ์ถึงกลุ่มสินค้าที่มีความโดดเด่นในปี 2556 ยังคงเป็นกลุ่มทีวีเทคโนโลยี UHD 4K TV หรืออัลตร้าเอชดี ที่ประเมินว่าจะมีสัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ 25% และสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น26% นอกจากนี้ ยังมองว่ากลุ่มเครื่องปรับอากาศยังคงเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตต่อเนื่องแต่ต้องดูสภาพอากาศเป็นองค์ประกอบ

ด้านนายเฉลิงพงษ์ ดรงค์สุวรรณกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าเทรนด์การเติบโตในตลาดหลอดแอลอีดีเมืองไทยปัจจุบันนั้นถือว่าอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเทคโนโลยีเก่ามาเป็นแอลอีดี ในอนาคตมองว่าเทรนด์ตลาด แยกเป็น 2ส่วน ได้แก่ กลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มลูกค้าโครงการ ซึ่งหากพูดถึงกลุ่มลูกค้าทั่วไปหรือคอนซูมเมอร์คนส่วนใหญ่จะนึกถึงหลอดไฟ และโคมไฟเพียงเท่านั้นแต่ในอนาคตมองว่าจากเทคโนโลยีแอลอีดีที่เข้ามาซึ่งจะมีข้อได้เปรียบเรื่องงานอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก 1-5 หมื่นชั่วโมง ขณะที่หลอดไส้มีอายุการใช้งาน1,000 ชั่วโมง หลอดประหยัดไฟ 6,000-8,000 ชั่วโมง และหลอดฟลูออเรสเซนต์มีอายุการใช้งาน 1-2 หมื่นชั่วโมง

ทั้งนี้สิ่งที่กระทบต่อตลาดผู้บริโภคทั่วไปเป็นลำดับแรกคือรูปแบบการทำตลาดที่จะสื่อสารไปยังผู้บริโภคที่ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย โดยจะต้องทำความเข้าใจเรื่องอายุการใช้งานและระยะเวลาในการเปลี่ยนการใช้งานหลอดไฟจะยาวนานขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อโอกาสทางการขายที่น้อยลง แต่มีข้อดีเรื่องฟังก์ชันเข้ามาประกอบ ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟกะพริบหลอดไฟแบบ LED สามารถหรี่แสงปรับความสว่างได้, หลอดไฟ LED ที่มี 2 สีในหลอดเดียวกันทั้งสีเหลืองและสีขาวฯลฯ เข้ามารองรับตลาดแทน ดังนั้นแนวทางการทำตลาดที่สำคัญคือทำอย่างไรถึงจะสื่อสารเรื่องของฟังก์ชันที่มาพร้อมหลอดแอลอีดีให้ผู้บริโภคเข้าใจ เกิดการยอมรับ จนนำไปสู่การซื้อเพิ่ม

โดยการเปลี่ยนแปลงในการทำตลาดในกลุ่มอุปกรณ์ส่องสว่างหรือหลอดไฟจะไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนหลอดเมื่อหมดอายุการใช้งานเท่านั้น หากแต่เป็นการเปลี่ยนการใช้งานหลอดไฟตามฟังก์ชันการใช้งานแบบไหนมากกว่า ดังนั้นตรงนี้บริษัทต้องมีการตอบโจทย์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายในการทำตลาด ซึ่งในส่วนของฟิลิปส์เองก็มีแผนการเปิดตัวหลอดไฟหรือโคมไฟ โคมไฟดาวน์ไลต์แบบใหม่ๆออกมารองรับตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เปิดตัวโคมไฟดาวน์ไลต์ในรุ่นเมสัน ออกมาทำตลาดในช่วงนี้ โดยมีระดับราคาตั้งแต่ 149-229 บาท ก่อนที่จะมีไลน์อัพใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องในปีหน้า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,203 วันที่ 23 - 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559