ให้ความสำคัญกับการลงมือทำ ต้องไม่หยุดพัฒนาและต่อยอด

22 ต.ค. 2559 | 04:00 น.
จากจุดเริ่มต้นในธุรกิจที่ปรึกษาด้านปัญหาที่จอดรถแบบครบวงจรรายแรก และรายเดียวในประเทศไทย ทั้งยังเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของอุปกรณ์ และเครื่องจอดรถอัตโนมัติจากประเทศ อิตาลี ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี ภายใต้ชื่อ บริษัท ปาร์คพลัส จำกัด และผู้ที่นั่งกุมบังเหียนบริหารงานรั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ คือ “อภิราม สีตกะลิน”ลูกชายสุดรักสุดหวงของ “อภิเชต สีตกะลิน” ผู้ครํ่าหวอดในวงการธุรกิจยานยนต์ของไทย ที่ผ่านมา “อภิราม” ใช้เวลาถึง 5 ปีในการปลุกปั้นปาร์คพลัส จนมียอดขายสะสมกว่า 1 พันล้านบาทเขาเล่าให้ฟังว่า

[caption id="attachment_107366" align="aligncenter" width="335"] อภิเชต สีตกะลิน อภิเชต สีตกะลิน[/caption]

“ย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจที่จอดรถในไทยเดิมมีผู้เล่นแค่ 2-3 ราย แต่ปัจจุบันมีกว่า 10 ราย ปีแรกๆที่เรารุกในธุรกิจนี้ เราเป็นน้องใหม่ เวลาไปแนะนำ ไปขายใครก็ไม่มีใครเข้าใจ แต่ตอนนี้พอพูดถึงที่จอดรถ โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียม สำนักงาน ร้านอาหารต่างๆในกรุงเทพฯ ล้วนมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ที่จอดรถกันหมดและไม่ได้หยุดอยู่แค่ตลาดในประเทศ เรายังเข้าไปเจาะตลาดต่างประเทศซึ่งตอนนี้ถือว่าเราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้ง 2 ตลาด”

ความสำเร็จที่ได้มา มิใช่แค่เพียงความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่ปาร์คพลัสมีเหนือกว่าคู่แข่งคือ สินค้าที่ให้บริการหลากหลายแบรนด์ เริ่มตั้งแต่ XIZI-IUK จากจีน, DYPC จากเกาหลี, IHI จากญี่ปุ่น ,OMER จากอิตาลี เลยทำให้มีสินค้ารองรับกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ราคาระดับล่างไปจนถึงระดับบน และเมื่อเทียบกับคู่แข่งแบบแบรนด์ชนแบรนด์ แม้ราคาของปาร์คพลัสจะจำหน่ายสูงกว่าคู่แข่งในตลาดประมาณ 10 - 20% แต่ก็ได้รับความมั่นใจจากลูกค้า เพราะสินค้ามีการรับประกันและมอบประกันภัยจากบริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัยจำกัด (มหาชน)

ถือเป็นประกันโดยตรงให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากบริษัท ขณะที่เป็นการซื้อผ่านโบรกเกอร์ ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้สขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตลาดนี้ และหลังจากมสำเร็จกับตลาดในประเทศไทยแล้ว ก็เริ่มมองหาระเทศ และเป้าหมายแรกที่ได้เริ่มสยายปีกเข้าไปอาเซียน ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกที่เข้าไปรุกธุรกิจที่จอดรถในกัมพูชา และได้รับงานมา 2 โครงการ และอนาคตเตรียมจะรุกเข้าไปยังตลาดสปป. ลาว ในช่วงต้นปีหน้า

[caption id="attachment_107367" align="aligncenter" width="500"] ธุรกิจผู้ให้บริการที่จอดรถ ธุรกิจผู้ให้บริการที่จอดรถ[/caption]

อภิรามยังเล่าต่ออีกว่า สิ่งที่น่ากังวลสำหรับธุรกิจผู้ให้บริการที่จอดรถในปัจจุบันคือการตัดราคาและมีการนำสินค้าที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาจำหน่าย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง และทำให้เกิดความเสียหายกับรถยนต์ที่จอดอยู่ แต่สำหรับของบริษัท ยังไม่เกิดปัญหาเหล่านั้น เพราะสินค้าที่เลือกล้วนเป็นอันดับ 1 ในตลาดประเทศนั้นๆ อีกทั้งให้ความสำคัญกับการซ่อมบำรุง การดูแลต่างๆและการการันตีจากบริษัทประกันภัย

“เรามองว่าได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และสิ่งที่เรายึดถือมาตลอดคือจะไม่ตีหัวเข้าบ้าน นั่นคือเรายังต้องอยู่ในธุรกิจนี้อีกนาน หลายสิบปี ดังนั้นเราไม่รีบร้อน”

สิ่งที่ยึดเป็นคติในการทำงานทุกครั้งคือการลงมือทำ และเมื่อทำแล้วจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ จะล้มลุกคลุกคลาน ก็ต้องรีบลุกขึ้นให้เร็วหรือหากโง่ก็ต้องยอมโง่ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าความผิดพลาดเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นสิ่งที่จะต้องเจอในการประกอบธุรกิจ

“เราให้ความสำคัญกับการลงมือทำ ยกตัวอย่างทุกคนรู้วิธีลดความอ้วน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำ นี่เป็นสิ่งที่เราพบเห็นกันในปัจจุบัน นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่เป็นอุปสรรคปัญหาที่ได้เห็นของคนไทยคือ อะไรที่เห็นว่าดี มีอยู่แล้ว ก็จะไม่มีการต่อยอด ทำให้ติดหล่มและไม่เกิดอินโนเวชันต่างๆ สำหรับตัวเราเอง จะคิดเสมอว่า ในช่วงเริ่มแรกแม้เราไม่มีโนว์ฮาว ไม่มีเทคโนโลยี ดังนั้นต้องมีการนำเข้าเทคโนโลยีเหล่านั้นเข้ามา และเราไม่หยุดเท่านี้ แต่เราต้องมีการพัฒนาต่อยอด มีการผลิตออกมา นี่ถือเป็นสิ่งที่เราอยากให้คนรุ่นใหม่มีแนวคิดแบบนี้ และจะทำให้เราหลุดจากหล่มที่เราติด”

ดังนั้นแนวคิดในการพัฒนาและต่อยอดของอภิราม ทำให้เกิดอีกหนึ่งธุรกิจคือ “ปาร์คทูโก (Park 2 Go)” เป็นสตาร์ตอัพ เทคโนโลยีใหม่ โดยจะเป็นธุรกิจจอดรถโมเดลใหม่ ที่มีแนวคิดมาจากการนำพื้นที่ว่างมาหารายได้ ซึ่งเจ้าของที่ดินหรือผู้ที่สนใจในธุรกิจนี้ มีเพียงที่ดิน ก็สามารถที่จะทำกิจการได้ เพราะปาร์ค ทู โก จะเป็นผู้ดำเนินการอย่างครบวงจร

สำหรับรูปแบบของธุรกิจ จะเป็นลักษณะการขายแฟรนไชส์ลงทุนเริ่มต้นตั้งแต่ 4 - 100 ล้านบาท และให้บริการครบวงจรทั้งแอพพลิเคชัน, เครื่องจอดรถ, ระบบประกันภัย, การอำนวยความสะดวกเรื่องสถาบันการเงิน ซึ่งหลังจากประกาศแนวคิดนี้ออกไป มีผู้สนใจเข้ามาติดต่อกว่า 200 - 500 ราย ระหว่างนี้กำลังศึกษาและคัดเลือก เพราะธุรกิจนี้จะต้องใช้เซอร์วิส มายด์ เป็นงานที่ต้องบริการ ดังนั้นมารยาทการให้บริการของพนักงานเป็นเรื่องสำคัญ รวมไปถึงความเสถียรของระบบต่างๆ ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้อบรมให้กับผู้ประกอบการและพนักงาน

“ลูกค้ามีเพียงที่ดิน และมีความสนใจในธุรกิจ สามารถเดินเข้ามาพูดคุยกับเรา และเมื่อตัดสินใจประกอบธุรกิจร่วมกัน เราจะช่วยเหลือทุกอย่างแบบครบวงจร รวมไปถึงเรื่องการจัดหาไฟแนนซ์ให้ หลังจากนั้นเมื่อถึงกระบวนการติดตั้งเครื่องจอดรถ ก็ใช้เวลาประมาณ 3 วัน โดยพื้นที่ที่จะให้บริการก็เริ่มตั้งแต่ 50 -100 คัน และใช้พนักงานประมาณ3- 5 คนก็สามารถทำได้”

อภิรามเล่าต่อว่า แม้ตอนนี้ระบบของแฟรนไชส์จะยังไม่เห็นภาพชัดเจน แต่เบื้องต้นแอพพลิเคชันปาร์ค ทู โก เริ่มเดินหน้าแล้ว โดยแอพดังกล่าวได้รับการพัฒนาจากทีมซิลิคอน วัลเลย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้ที่ดาวน์โหลดจะสามารถตรวจสอบได้ว่าห้างสรรพสินค้า, ลานจอดรถต่างๆ มีพื้นที่ว่างเพียงพอหรือไม่ ถือเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ขับขี่สามารถวางแผนการใช้รถ และยังเป็นอีกหนึ่งทางที่ช่วยแก้ไขรถติดได้

“เราเพิ่งจะซอฟต์ โอเพนนิ่งแอพพลิเคชัน ปาร์ค ทู โก เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่ามีคนดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 500 แอกเคาต์ ซึ่งระหว่างนี้มีการแก้ไขบั๊กต่างๆ เพื่อให้การทำงานราบรื่น รวมไปถึงมีการหาพันธมิตรตามห้างสรรพสินค้าหรือตามสถานที่ต่างๆ เพื่อติดตั้งระบบที่สามารถตรวจเช็กได้ว่าลานจอดรถไหนเต็มแล้วควรหลีกเลี่ยงหรือตรงไหนที่ว่างและลูกค้าสามารถนำไปจอดตรงจุดนั้นได้”

เรียกได้ว่าเป็นคนหนุ่มที่ไม่หยุดที่จะพัฒนาต่อยอด แม้ว่าจะมีคู่แข่งหันมาทำตามก็ไม่หวั่น ยังคงเดินหน้ารุกธุรกิจต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งก้าวต่อไปในอนาคตอาจจะมีการต่อยอดธุรกิจเพิ่มเติมในรูปแบบไหน ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไป …

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,202 วันที่ 20 - 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559