แนวโน้มราคาทองคำวันอังคารนี้(25 ต.ค.59)
สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง วันที่ 21 ตุลาคม 2559
สภาวะตลาดวันที่ 21 ตุลาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,260.70-1,266.46 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 21,050 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,050 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.26 น.ของวันที่ 21/10/16)
แนวโน้มวันที่ 25 ตุลาคม 2559
ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษตามเดิม แต่เปิดโอกาสที่จะมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมในเดือนธันวาคม นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบีได้เปิดโอกาสสำหรับทางเลือกด้านนโยบายต่างๆ และระบุย้ำว่า การปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อตั้งอยู่บนพื้นฐานของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ประกอบกับมีการส่งสัญญาณปฏิเสธคาดการณ์ที่ว่า อีซีบี อาจจะเริ่มปรับลดโครงการซื้อสินทรัพย์มูลค่า 1.7 ล้านล้านยูโร ท่าทีด้านนโยบายการเงินของอีซีบีอาจจะหนุนสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งกดดันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และ สกุลเงินยูโรร่วงลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนมุ่งความสนใจมากขึ้นไปที่การคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ซึ่ง FedWatch ของซีเอ็มอี กรุ๊ประบุว่า สัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐบ่งชี้ว่า เทรดเดอร์มอง เห็นโอกาสมากกว่า 70% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม กระแสดังกล่าว กดดันราคาให้ร่วงลง และดอลลาร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเช่นกัน
ทั้งนี้ ทิศทางอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน ธนาคารโลกได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบสำหรับปีหน้าขึ้นสู่ระดับ 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จาก 53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากข้อตกลงการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะช่วยลดปริมาณน้ำมันส่วนเกิน ขณะที่ราคาน้ำมันที่มีทิศทางสดใส่ขึ้น กระตุ้นความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง สำหรับมุมมองของวายแอลจีนั้นประเมินว่าราคาทองคำจะมีแนวต้านบริเวณ 1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถขยับตัวขึ้นไปยืนได้อย่างแข็งแกร่ง ราคาทองคำจะขึ้นชนแนวต้านถัดไปในบริเวณ 1,283 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,283 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ นักลงทุนต้องระมัดระวังแรงขายออกมา
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ให้รอเข้าซื้อหากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดบริเวณแนวรับทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,254 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,245 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำยังมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,283 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการทำกำไร ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าราคาทองคำสามารถทะลุผ่านแนวต้าน และรักษาระดับยืนเหนือกรอบราคาได้ แนะนำนักลงทุนที่ถือทองคำอยู่ให้ถือต่อไป ซึ่งราคาทองคำน่าจะสามารถขยับตัวขึ้นต่อไปได้ และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถทำการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเช่นเดิม
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,254 (20,840บาท) 1,245 (20,690บาท) 1,233 (20,490บาท)
แนวต้าน 1,276 (21,210บาท) 1,283 (21,320บาท) 1,294 (21,510บาท)
ที่มา:บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
กราฟราคาทองคำ
สภาวะตลาดวันที่ 21 ตุลาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,260.70-1,266.46 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 21,050 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,050 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.26 น.ของวันที่ 21/10/16)
แนวโน้มวันที่ 25 ตุลาคม 2559
ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้มีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษตามเดิม แต่เปิดโอกาสที่จะมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมในเดือนธันวาคม นายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบีได้เปิดโอกาสสำหรับทางเลือกด้านนโยบายต่างๆ และระบุย้ำว่า การปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อตั้งอยู่บนพื้นฐานของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ประกอบกับมีการส่งสัญญาณปฏิเสธคาดการณ์ที่ว่า อีซีบี อาจจะเริ่มปรับลดโครงการซื้อสินทรัพย์มูลค่า 1.7 ล้านล้านยูโร ท่าทีด้านนโยบายการเงินของอีซีบีอาจจะหนุนสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งกดดันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และ สกุลเงินยูโรร่วงลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนมุ่งความสนใจมากขึ้นไปที่การคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ซึ่ง FedWatch ของซีเอ็มอี กรุ๊ประบุว่า สัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐบ่งชี้ว่า เทรดเดอร์มอง เห็นโอกาสมากกว่า 70% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม กระแสดังกล่าว กดดันราคาให้ร่วงลง และดอลลาร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเช่นกัน
ทั้งนี้ ทิศทางอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน ธนาคารโลกได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบสำหรับปีหน้าขึ้นสู่ระดับ 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จาก 53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากข้อตกลงการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะช่วยลดปริมาณน้ำมันส่วนเกิน ขณะที่ราคาน้ำมันที่มีทิศทางสดใส่ขึ้น กระตุ้นความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง สำหรับมุมมองของวายแอลจีนั้นประเมินว่าราคาทองคำจะมีแนวต้านบริเวณ 1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถขยับตัวขึ้นไปยืนได้อย่างแข็งแกร่ง ราคาทองคำจะขึ้นชนแนวต้านถัดไปในบริเวณ 1,283 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,283 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ นักลงทุนต้องระมัดระวังแรงขายออกมา
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ให้รอเข้าซื้อหากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดบริเวณแนวรับทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,254 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,245 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำยังมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,283 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการทำกำไร ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าราคาทองคำสามารถทะลุผ่านแนวต้าน และรักษาระดับยืนเหนือกรอบราคาได้ แนะนำนักลงทุนที่ถือทองคำอยู่ให้ถือต่อไป ซึ่งราคาทองคำน่าจะสามารถขยับตัวขึ้นต่อไปได้ และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถทำการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเช่นเดิม
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,254 (20,840บาท) 1,245 (20,690บาท) 1,233 (20,490บาท)
แนวต้าน 1,276 (21,210บาท) 1,283 (21,320บาท) 1,294 (21,510บาท)
ที่มา:บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
กราฟราคาทองคำ
