น้ำมันแตะ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลแน่?

21 ตุลาคม 2559
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 8-13 ตุลาคม2559 สมาชิกกลุ่มโอเปกนัดหารือแบบไม่เป็นทางการกับสมาชิกนอกกลุ่มโอเปก (รัสเซีย) ที่เมืองอิสตันบุลประเทศตุรกี ในระหว่างร่วมงาน World Energy Congressซึ่งระหว่างช่วงการหารือกันนั้น นายวลาดิมีร์ ปูตินประธานาธิบดีรัสเซียออกมายืนยันว่า พร้อมที่ให้จะความร่วมมือในการควบคุมปริมาณการผลิตนํ้ามันออกสู่ตลาดผลทำให้ราคานํ้ามันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ทั้งนํ้ามันดิบเวสต์เท็กซัสอินเทอร์มีเดียและนํ้ามันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ระดับ 51-53 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรลเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำสถิติใหม่ราคาขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี สำหรับนํ้ามันดิบเบรนต์ทะเลเหนือในคราวเดียวกัน นายคาหลิด อัล-ฟารีห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประเทศซาอุดีอาระเบียให้ข่าวว่าสถานการณ์ราคานํ้ามันโลกมีแนวโน้มดีขึ้น และเชื่อว่าก่อนสิ้นปี 2559 นี้ ราคานํ้ามันจะอยู่ที่ระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรลพร้อมบอกด้วยว่า สมาชิกกลุ่มโอเปกจะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2559 ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งจะเป็นบทสรุปโควตาการผลิตของแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกจะผลิตออกมาเท่าใด

การประชุมโอเปกอย่างไม่เป็นทางการที่จัดขึ้นในประเทศแอลจีเรียเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2559 มติที่ประชุมมีออกมาว่าจะปรับลดการผลิตนํ้ามันลงสู่ระดับ 32.5-33.0 ล้านบาร์เรล/วันจากที่ผลิตอยู่ประมาณ 33.2 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้ปริมาณการผลิตลดลงประมาณ 700,000 บาร์เรล/วัน แต่ก่อนจะถึงวันประชุมโอเปกในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2559 ที่กรุงเวียนนานั้นก็มีข่าวว่าจะลดการผลิตลงไปอีกรวมแล้วลดลงไปประมาณ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน

ภาพที่เกิดขึ้นมีความชัดเจนว่าซาอุดีอาระเบียพยายามที่จะทำให้ราคานํ้ามันดิบปรับตัวขึ้น โดยขอความร่วมมือกับผู้นำบอกว่าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือเท่านั้น ในภาคปฏิบัติกลุ่มโอเปกก็ยังไม่ได้มีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนก็ส่งผลให้ราคานํ้ามันกระเตื้องขึ้นมาบ้างแล้ว จนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานประเทศซาอุดีอาระเบียออกมาคาดการณ์ราคานํ้ามันดิบล่วงหน้าว่า คงจะถึง 60 ดอลลาร์สหรัฐฯก่อนสิ้นปี 2559 นี้

รัสเซียชอกชํ้ากับท่าทีของสหรัฐอเมริกาต่อราคานํ้ามันดิบโลก โดยสหรัฐฯปล่อยให้ผลิตและสำรองนํ้ามันดิบไว้จำนวนมหาศาล อีกทั้งสหรัฐฯเดินคนละขั้วกับรัสเซียในปัญหาซีเรีย ซึ่งรัฐบาลอเมริกันสนับสนุนฝ่ายกบฏและมีเป้าหมายโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย เพียงเพราะรัฐบาลซีเรียมีกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ให้การสนับสนุนในการรบกับกลุ่มกบฏ สหรัฐฯเองเชื่อมั่นมาตลอดว่ากลุ่มฮิซบุลเลาะห์เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่สำคัญและขึ้นบัญชีเอาไว้ ขณะที่รัฐบาลรัสเซียหนุนรัฐบาลซีเรียเต็มประตู

ศึกซีเรียยังไม่ยุติแม้จะมีการทำข้อตกลงหยุดยิงตามที่สหรัฐอเมริกาและรัสเซียได้หารือกันแล้ว ตกลงให้มีการหยุดยิงแต่การหยุดยิงได้ผลไม่กี่วัน ด้วยเหตุเพราะการหยุดยิงแม้มุ่งหวังที่จะให้หน่วยงานองค์การสหประชาชาติเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในเขตจังหวัดอเลปโป แต่ในระหว่างการหยุดยิงนั้น กลุ่มขบวนการไอเอสหรือขบวนการรัฐอิสลามกลับรุกคืบในเขตอเลปโป ทำให้รัสเซียตั้งข้อสงสัยว่า เบื้องหลังของการหยุดยิงก็เพื่อจะช่วยกลุ่มไอเอสปฏิบัติการโค่นล้มรัฐบาลซีเรียใช่หรือไม่ รัสเซียก็ตอบโต้โดยการทิ้งระเบิดจนสุดท้ายข้อตกลงหยุดยิงมีอันเป็นหมันไป

ซาอุดีอาระเบียแม้จะมีไมตรีกับสหรัฐอเมริกามาตลอด แต่เหตุการณ์ 9/11 ที่มีพลเมืองซาอุดีอาระเบียเป็นกัปตันขับเครื่องบินถล่มตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ด้วย ทำให้รัฐสภาสหรัฐฯ ออกกฎหมายให้พลเมืองสหรัฐฯหรือผู้ได้รับความเสียหาย ยื่นฟ้องร้องให้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียเพื่อจ่ายค่าชดเชยได้ ทำให้ซาอุดีอาระเบียไม่พอใจ และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา อาเดล อัล-จูเบร์ รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้ส่งข้อความของราชอาณาจักรซาอุฯ ด้วยตนเองว่า ประเทศซาอุดีอาระเบียจะขายสินทรัพย์มูลค่าราว7.5 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นพันธบัตรและสินทรัพย์อื่นๆในสหรัฐอเมริกาที่ซาอุฯ ถือครองออกไป ก่อนที่พวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายจากการถูกอายัดโดยศาลอเมริกันครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,202 วันที่ 20 - 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559