หลี หมิ่น นักธุรกิจนักพัฒนา

21 ตุลาคม 2559
นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย แล้วหลงใหลอยู่ดำเนินธุรกิจ ต่อมีมิใช่น้อย “หลี หมิ่น” ชาวจ้านเจียง มณฑลกวางตุ้ง ที่เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โตในจีนทั้งบริษัทรอยัล-ลี จำกัด ,บริษัท รอยัล-ลี แอร์เอ็กซ์เพรส จำกัด และบริษัท กวางโจว โทนี-ลี จำกัด รวมถึงบริษัทแพนด้า อินดัสทรี่(ประเทศไทย)จำกัดที่เขาก่อตั้งขึ้นเองทั้งสิ้น เขาหลงใหลในประเทศไทย และพยายามมองหาธุรกิจที่เหมาะสมกับไทยและเอื้อต่อธุรกิจอื่นๆ ที่เขาทำอยู่ อาทิ โลจิสติกส์ การศึกษา คาร์โก และยังวางแผนก่อสร้างโรงพยาบาลศูนย์มะเร็ง ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีนและศูนย์ป้องกันและรักษาโรคมะเร็งมหาวิทยาลัยจงซานอีกด้วย

ผู้ชายคนนี้ประสบความสำเร็จมากมาย ตั้งแต่ปี 1990 ด้วยความมุมานะทั้งการเรียนและการทำธุรกิจ และด้วยความยากลำบากในวัยเยาว์ ทำให้เขาเห็นความสำคัญของการศึกษา เขาเริ่มทำธุรกิจด้านการศึกษาด้วยใจรัก ในปี 1999 โดยร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นเมืองจ้านเจียงมณฑลกวางตุ้ง ก่อตั้งบริษัทด้านการศึกษาโดยบุคคลทั่วไปแห่งแรกในกวางตุ้งและกวางซีขึ้น ใช้ชื่อว่าบริษัท กวางตุ้ง จ้านเจียง ชุ่นจิน เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ปฯ ซึ่งประกอบไปด้วย สถาบันชุ่นจินในเครือมหาวิทยาลัยจ้านเจียงไห่หยาง วิทยาลัยอาชีวศึกษาจ้านเจียงชุ่นจิน วิทยาลัยชุ่นจินและโรงเรียนมัธยมจ้านเจียง เป็นบริษัท ด้านการศึกษาที่รวมการศึกษาหลายระดับ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา สายอาชีพจนถึงระดับมหาวิทยาลัย

หลี หมิ่น เข้ามาเริ่มธุรกิจในไทยตั้งแต่ 7 ปีก่อน (ปี 2552 )โดยการจัดตั้งบริษัท ไทย เซ็นทรัล ไชนีส เทเลวิชั่น กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารสื่อเคเบิลทีวีช่อง ไทย ซีซีทีวี และยังเป็นประธานบริษัท รอยัล-ลีอินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด ประธานกรรมการบริษัท กวางตุ้ง จ้านเจียง ซุ่นจิน เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ป

เขาทำธุรกิจโลจิสติกส์ และแอร์คาร์โก ในเวียดนาม ส่วนที่เมืองไทยมีโลจิสติกส์ แอร์คาร์โก้ ซีฟู้ดส์ และโครงการเรียลเอสเตท ชื่อโครงการ The Terminal Phuket แอร์พอร์ตคอนโดมิเนียมซิตี ที่จังหวัดภูเก็ต ตอนนี้โครงการเพิ่งเริ่ม มูลค่าโครงการประมาณ 7,800 ล้านบาท

“ที่เราเริ่มทำเป็นเพราะเรามองอนาคตดี และวัสดุก่อสร้างเราก็มีธุรกิจเอง เริ่มปี 2558 เรายังกำลังก่อสร้าง ในโครงการจะมีคอนโดมิเนียมลักชัวรี ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ออฟฟิศบิลดิ้ง และร้านค้า พื้นที่รวม 75ไร่ เป็นแอร์พอร์ตซิตี ใช้ชื่อว่า เดอะ เทอร์มินอลภูเก็ต เฟสแรกเสร็จสิ้นปีนี้เป็นคอนโดมิเนียม 513 ยูนิต เฟสต่อไปปีหน้าขึ้นห้าง เป็นคอมมิวนิตีมอลล์ ปีหนึ่งเราก็ขึ้นอย่างหนึ่ง

สัดส่วนธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดยังคงเป็นเรื่องการศึกษา มหาวิทยาลัยในจีน ธุรกิจโรงพยาบาลเริ่มอยู่ตัว

การเลือกลงทุนในแต่ละธุรกิจ ต้องมองที่อนาคต โรงพยาบาลเป็นธุรกิจที่มีอนาคต ในจีนอนาตยังไปได้ไกล แต่โรงพยาบาลไม่เพียงพอเทคโนโลยีการรักษายังทันสมัยได้มากกว่านี้ หรือการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในไทย ก็อยู่ที่ทำเล ทำเลของเราดี ใกล้สนามบิน อยู่ในเมืองเหมาะสมกับการลงทุน ลูกค้าเป้าหมาย 51% คือต่างชาติ เมื่อเขาไม่อยู่ก็สามารถบริหารด้วยระบบไทม์แชริ่งได้

แม้จะลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย แต่ “หลี หมิ่น” ก็ไม่ทิ้งธุรกิจการศึกษา และเขาก็มองโอกาสที่จะลงทุนในไทย เขาเตรียมจับมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเจรจากับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสร้างเป็นมหาวิทยาลัยที่ภูเก็ต

“เราก็ไม่รู้ว่ากระทรวงศึกษาฯ มีนโยบายเป็นอย่างไร แต่เมื่อ 15ปีก่อน ก.ศึกษา ของจีน เขามีนโยบายปล่อยให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ให้เอกชนมาลงทุนเป็นแคมปัส เป็นสาขา รัฐบาลไม่ต้องลงทุนให้เอกชนลงทุนรัฐบาลมีหน้าที่แค่คุมคนสอน คุมหลักสูตร ความคุ้มค่าคุณภาพการศึกษานักลงทุนมีหน้าที่สร้างโรงเรียน สร้างหอพัก ซื้อที่ อุปกรณ์ การเรียน แล้วให้มหาวิทยาลัยของรัฐมาบริหาร ค่าใช้จ่ายจ่ายเป็นแฟรนไชส์ หรือแบ่งรายได้ก็ได้”

“หลี หมิ่น” มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยพัฒนาระบบการศึกษาไทยและแนวทางของเขาก็เป็นแนวทางที่น่าสนใจ เพียงแต่ว่า นโยบายของประเทศเราจะสามารถรองรับได้มากน้อยแค่ไหน

การสร้างประเทศและองค์กรให้เจริญก้าวหน้าสู้กับคนอื่นได้ สิ่งหนึ่งที่ผู้นำไม่ควรลืม คือการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ โดยผู้นำทำหน้าที่กำหนดกรอบให้ทุกอย่างมีเส้นทางเดินที่พัฒนาได้ต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,202 วันที่ 20 - 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559