สนทนากับ‘แจ็ค หม่า’ ขอบคุณที่ต้อนรับอาลีบาบา

13 ตุลาคม 2559
แจ็ค หม่า มหาเศรษฐีอันดับต้น ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท อาลีบาบาฯ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของจีนและของโลก เดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อร่วมงานประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชียครั้งที่ 2 (ACD Summit) ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ และได้รับเชิญบรรยายพิเศษในหัวข้อ A Conversation with Jack Ma on Entrepreneurship and Inclusive Globalization จัดโดยกระทรวงการต่างประเทศเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อพบปะและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ตลอดจนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ของไทย นักธุรกิจหนุ่มที่สร้างตัวเองจากศูนย์สู่การเป็นมหาเศรษฐีระดับ 8 แสนล้านบาทเมื่อปีที่ผ่านมา ได้ตอกยํ้าบนเวทีนี้อีกครั้งว่า พลังของธุรกิจขนาดเล็กนั้น สร้างความสำเร็จได้ในระดับโลกไม่มีเคล็ดลับใดๆนอกไปจากบางสิ่งบางอย่างที่เขายินดีนำมาเปิดเผยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ขณะเดียวกันก็ยํ้าว่ารัฐบาลและสังคมมีบทบาทช่วยส่งเสริมและอุ้มชูให้ธุรกิจ SMEsเติบโตอย่างยั่งยืน

 แรงบันดาลใจจากคนเคยล้ม

“เมื่อวานนี้ผมได้พบกับนายกรัฐมนตรีไทยและประทับใจมากที่ท่านมีแนวคิดส่งเสริม-สนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่และธุรกิจ SMEs ของไทยอย่างมุ่งมั่น ผมยินดีที่จะนำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังเพราะผมเองก็เริ่มจากไม่มีอะไร แต่การไม่ค่อยจะมีอะไร ไม่มีเงินทุน มันก็เป็นสิ่งที่ดีตรงที่ทำให้เราต้องรอบคอบระมัดระวัง ผมเคยได้ยินคนหนุ่มสาวพูดว่า ไม่มีเงินเลยทำอะไรไม่ได้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก ผมอยากได้ยินพวกเขาพูดว่า ไม่มีเงิน แต่จะทำมันให้ได้มากกว่า” นายแจ็ค หม่า เปิดประเด็นสร้างแรงบันดาลใจ

ผู้ก่อตั้งกลุ่มธุรกิจอาลีบาบาในปี 1999 และประสบความสำเร็จเป็นอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ด้านอี-คอมเมิร์ซระดับโลก เปิดเผยว่า ผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจมักจะประสบปัญหาด้านแหล่งเงินทุนเป็นธรรมดา ไม่ควรมองว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา เพราะฉะนั้นสิ่งแรกเลยที่ควรตระหนักก็คือ ต้องใช้สมองใช้ความคิดให้มาก ความคิดดีๆของเราอาจจะไม่เหมือนคนอื่น อาจจะไม่ถูกใจหลายๆ คน แต่หากเห็นว่าดีแล้ว ก็ต้องลองทำดู ต้องมีความเชื่อมั่นและเชื่อว่ามันอาจทำได้สำเร็จ อาจเริ่มต้นจากเล็กๆ ทุนๆน้อย ค่อยๆพัฒนาไป สำหรับธุรกิจของเขานั้นเริ่มจากการลงขันร่วมทุน 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ โดยหุ้นส่วน 8 คน นายแจ็ค หม่ากล่าวว่า เขามีจุดยืนชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า เงินทุนก้อนแรกนี้ต้องไม่ใช่เงินกู้หนี้ยืมสินมาจากพ่อแม่พี่น้องหรือเพื่อนฝูง จากนั้นต้องบริหารเงินทุนให้ดี รอบคอบ อีกสิ่งที่สำคัญคือ การมีหุ้นส่วนที่ดี ซึ่งเรื่องนี้ต้องเกิดจากการไว้เนื้อเชื่อใจกัน เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา ฉะนั้น ระหว่างนี้ ผู้ประกอบการจึงต้องอดทน ไม่เลิกล้มหรือย่อท้อง่ายๆ “เพราะพรุ่งนี้คุณอาจจะพบเรื่องดีๆหรือประสบความสำเร็จ ฉะนั้น วันนี้จึงอย่าเพิ่งย่อท้อหรือล้มเลิกไปซะก่อน” ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ นายแจ็ค หม่ากล่าวว่า ผู้ประกอบการควรจะต้องเลือกทำในสิ่งที่รักหรือมีความเชื่อในสิ่งนั้นๆ

“ผมมาจากครอบครัวธรรมดาๆ การศึกษาก็ไม่ดี หน้าตาก็ไม่ดีอีกต่างหาก” แจ๊คเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ฟัง แต่นั่นก็เป็นพลังผลักดันให้เขาพุ่งไปสู่ความสำเร็จ ปัจจุบันเขามองว่า เงินทองมาพร้อมกับความรับผิดชอบ เมื่อร่ำรวยแล้ว ก็ควรใช้เงินให้เหมาะสม “ผมมองว่าเงินทองที่ได้มานั้นมันเกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจที่ลูกค้ามอบมาให้ เพราะฉะนั้นคุณต้องใช้มันอย่างมีความรับผิดชอบนะ” นายแจ็ค หม่า กล่าวว่า ส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่ได้มา คือจะต้องเก็บรักษาความไว้เนื้อเชื่อใจที่ลูกค้ามอบให้เอาไว้ให้ดี และลูกค้านั้นเองจะเป็นผู้โฆษณาหรือผู้บอกต่อให้สินค้าขายดีเป็นทอดๆไป

 พร้อมหนุนไทยเป็นฮับ SMEs

นายแจ็ค หม่า กล่าวปิดท้ายการบรรยายพิเศษว่า นโยบายประเทศไทย 4.0 และการที่ไทยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์กลางหรือฮับระดับภูมิภาคในการส่งเสริมธุรกิจ SMEs นั้น มาถูกทิศทางแล้ว และเขาก็พร้อมจะให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ “ผมมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งเกี่ยวกับประเทศไทย และหวังใจว่าเราจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ขอบคุณประเทศไทยที่ให้การต้อนรับผมและธุรกิจของอาลีบาบาอย่างอบอุ่น”

ผู้ก่อตั้งอาลีบาบาเปิดเผยว่า การพบปะหารือกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาทีนั้น มีหลากหลายประเด็นที่หยิบยกมาพูดคุยรวมถึงการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย การส่งเสริมธุรกิจของคนรุ่นใหม่ และ SMEs เขาเองรู้สึกตื่นเต้นกับความกระตือรือร้นและความมุ่งมั่นของผู้นำไทยในเรื่องนี้ และมองว่าอาลีบาบาสามารถเข้ามาร่วมส่งเสริม SMEs ไทยและสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้ โดยยินดีให้การฝึกอบรม เสริมความรู้ด้านการทำ e-commerce และสนับสนุนผู้ประกอบการไทยนำสินค้าบุกตลาดโลกผ่านแพลตฟอร์มของอาลีบาบา รวมทั้งบริการด้านแหล่งเงินทุนแอนท์ไฟแนนเชียล (Ant Financial) สำหรับผู้ประกอบการ SMEs และการเข้าถึงระบบชำระเงินออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟน “อาลีเพย์” (Alipay) ธุรกิจในเครืออาลีบาบา ที่จะทำให้สินค้าและบริการของผู้ประกอบการไทยได้ช่องทางทำการตลาดเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีจำนวนมหาศาล

สอดคล้องกับถ้อยแถลงที่ทำเนียบรัฐบาลของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ระบุว่า การเดินทางมาเยือนไทยของ นายแจ็ค หม่า ครั้งนี้ไม่ได้ต้องการจะเข้ามาลงทุนในไทย แต่จะเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs และ สตาร์ตอัพ เพื่อยกระดับการเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยเน้นใช้เทคโนโลยีดิจิตอล เนื่องจากอาลีบาบาเองได้ผลักดันธุรกิจขนาดเล็กในจีนและในอีกหลายๆประเทศจนประสบความสำเร็จมาแล้ว นอกจากนี้ ยังต้องการจะให้การฝึกอบรมนักธุรกิจไทยเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการค้าขายสินค้าผ่าน e-commerce

รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เพื่อให้ความริเริ่มนี้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม รัฐบาลจะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 คณะ แบ่งเป็นคณะทำงานของไทย และคณะทำงานจากบริษัท อาลีบาบาฯ เพื่อร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plans) ให้เสร็จภายในเวลา1 ปี (พ.ศ. 2560) โดยทางอาลีบาบามีดำริเชิญชวนให้รัฐบาลไทยและผู้ประกอบการไปดูงานของบริษัทในจีนด้วย

นอกจากนี้ ผู้ก่อตั้งอาลีบาบายังเสนอให้คำแนะนำปรึกษากับรัฐบาลไทยในด้านระบบรักษาความปลอดภัยในการชำระเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-payment ซึ่งเป็นระบบที่ไทยกำลังพยายามผลักดันและอาลีบาบาเองก็มีความเชี่ยวชาญ เพื่อไม่ให้ระบบมีข้อบกพร่องหรือเกิดการฉ้อฉลได้ ทั้งนี้ การชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่เพียงเพิ่มความสะดวกสบายในการชำระเงินและช่วยลดการใช้เงินสดในอนาคต แต่ยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้า ทราบถึงความต้องการสินค้า และสามารถนำข้อมูลนั้นมาพัฒนาสินค้าและบริการให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น

ดร.สมคิดยังระบุด้วยว่า นายแจ็ค หม่า ได้แสดงความสนใจที่จะร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ของไทย โดยเขาต้องการจะปรับไอเดียเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตการค้าเสรี หรือ ฟรีเทรดโซน มาใช้สำหรับธุรกิจ SMEs เพื่อให้เป็นเขตปลอดภาษีอากรนำเข้า-ส่งออก และจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของ SMEs ด้วยจากปัจจุบันที่ไทยมีฟรีเทรดโซนเฉพาะธุรกิจรายใหญ่เท่านั้น

“ผมเชื่อว่าเราจำเป็นจะต้องให้โอกาสที่เท่าเทียมกัน ต้องให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กได้มีโอกาสดีๆที่จะเติบโต มีโอกาสที่จะเข้าถึงแหล่งเงินทุน มีโอกาสที่จะใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาธุรกิจยกระดับตัวเอง รวมทั้งการเข้าถึงตลาดโลก” นายแจ็ค หม่ากล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,200 วันที่ 13 - 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559