DEUTSCHE BANK กับอสังหาฯไทย

12 ต.ค. 2559 | 09:30 น.
ข่าวหน้าหนึ่งทั่วโลก ณ ขณะนี้มิใช่เรื่อง โดนัลด์ ทรัมพ์ กับ ฮิลลารี คลินตัน อีกแล้ว แต่เป็นข่าวธนาคารชั้นนำของโลก หนึ่งในยุโรปกำลังวิกฤติ "ถ้าล้มมาระบบการเงินของทั้งยุโรป และโลกจะกระทบกระเทือนหวั่นไหวไปทั้งระบบ"

อะไรเกิดขึ้น เมื่อไม่ถึง 6 เดือน ก็มีข่าวอังกฤษโหวตออกนอกระบบสหภาพยุโรป ทั่วโลกก็หวั่นไหวว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะปัจจุบันทั่วโลกเป็น Global Network ไม่ว่าการเงิน การเมืองถ้าเกิดอะไรขึ้น เจอะพายุทั้ง เฮอริเคน ทั้งสึนามิ ติดต่อกัน

คราวที่แล้วผู้เขียนก็ได้เขียนถึง BREXIT อังกฤษออกนอกสหภาพยุโรป มีทั้งผลบวกและลบกระทบไทย โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้ผลบวก เพราะปอนด์ถูกลง ส่งออกน่าจะดีขึ้น สินค้าอสังหาฯที่คนไทยเริ่มบุกยุโรปผ่านอังกฤษ ทั้งสโมสรฟุตบอล ทั้งโรงแรม ทั้งที่อยู่อาศัย(คนรวย) ทั้งท่องเที่ยว ทั้งอาหาร น่าจะได้ผลบวกทั้งนั้น ผลลบก็มีคือ ระบบการเงิน ที่อังกฤษเป็นศูนย์กลางกองทุนต่างๆ ( FUND ) ศูนย์การการเงินการะนาคารอยู่ที่อังกฤษ จะถูกกระทบ ไม่แน่นอนด้านการเงิน ด้านภาษีจะทำให้เงินไหลออกจากอังกฤษ ธนาคารไทย สถาบันการเงินไทยก็ไปลงทุนที่นั่นด้วย คงต้องดูให้ดี (ในอดีตก็มีธนาคารไทยธนาคารหนึ่งไปลงทุนผ่านกองทุน Sub-Prime Loan ขนทุนไปมากมาย)

ขณะนี้โรคการเงินของโลกกำลังเป็นพายุใหญ่ เพราะ กำลังแย่มากๆ ขาดทุนมาหลายปี และข่าวร้ายสุดคืออเมริกาฟ้อง DEUTSCHE BANK ว่าเอาสินทรัพย์ที่แย่ๆเรียกว่า "ILLED PRODUCT" หรือเป็นแบบ Junk Bond ที่อเมริกาทำเสียไว้จาก Sub-Prime Loan มาห่อขายในตลาด เรียกค่าเสียหายมากมาย (ครึ่งหนึ่งของจีดีพีเยอรมัน ขระที่เศรษฐกิจเยอรมันอยู่ในอันดับ 4 ของโลก

เรื่องยังไม่จบ เพิ่งเริ่มยกแรก แล้วมากระทบอะไรกับอสังหาฯไทย เราเข้าไปยุ่งอะไรด้วย เรื่องเกิดห่างไกล และไม่เกี่ยวอะไรกับอสังหาฯ ที่กระทบแน่ๆ คือ ระบบการเงินของโลก และมากระทบระบบการเงินของไทยด้วย ตั้งแต่ธนาคารชาติ (ซึ่งเกือบพังมาแล้วโรคต้มยำกุ้ง ปี 2540 ที่ต้องพึ่งไอเอ็มเอฟ และไอเอ็มเอฟ ขณะนี้ก็มาอยู่ในธนาคารชาติของเรา) พวกเราอสังหาฯกู้เงินมาลงทุนเยอะมาก เป็น"นักกู้ตัวยง" สินเชื่อ พวกเรากู้ประมาณ 20-25% ของเงินกู้ทั้งระบบ รวมทั้งสินเชื่อระยะยาวที่เรียกว่า Housing Loan

พวกเราไม่ควรตื่นตระหนกตกใจ แต่ผู้ที่ควรตกใจคือรัฐบาลที่กำลังจะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากมาย จะต้องกระทบแน่ ธนาคารชาติเป็นอันดับ 2 ระบบการเงินโลกจะกระทบระบบการเงินไทยแน่ (หนี้เสียจะเพิ่มไหม เงินเฟ้อจะตามมาไหม ดอกเบี้ยจะขึ้นไหม) อันดับ 3 ก็ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินของไทย เตรียมตัวไว้อย่าให้ล้มเหมือน 2540 และความเชื่อมั่นระบบะนาคารจะน้อยลง ฝากเงินแล้วจะถอนลำบาก ธนาคารชาติให้ค้ำประกันเงินฝาก เพียง 1 ล้านบาท จะเกิดการแตกตื่นไหม ลองดู DEUTSCHE BANK ขาดความคล่องตัว Bank Run เริ่มที่โน่น และเป็นโรคระบาดถึงไทยไหม

สำหรับพวกเราอสังหาฯอย่าประมาท วิกฤติมาแน่ๆ มาแบบไหน แรงแค่ไหน ต้องคอยดู รีบปรับตัวเองรองรับพายุ อย่าประมาทเหมือนปี 2540 หนี้เสียทั้งระบบ แต่ต้องกลัว ต้องระวัง ต้องมีแผน 2 แผน 3 รองรับไว้ (หันกลับไปดูประสบการณ์ปี 2540 ให้ดี)

ฝ่ายผู้ซื้อ ผู้บริโภค รับรองว่ากระทบแน่ๆ อย่างน้อยความมั่นใจลดลง ทั้งจะฝากเงินทั้งจะต้องใช้จ่าย โดยเฉพาะซื้ออสังหาฯ เป็นหนี้ระยะยาว การชะลอจะเกิดขึ้นไหม (มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 35 ในอาทิตย์นี้จะเป็นดัชนี เฝ้ามองให้ดี)

ท้ายสุด "พายุการเงินของโลก เพียงเริ่มตั้งเค้า" ไทยเราแม้อยู่ปลายแถว แต่ปัจจุบันโลกเปิด Global Impact มีแน่ๆ ที่เขียนมิใช่ให้"ตื่นตระหนก" คือ อย่าแตกตื่น แต่ให้รีบ "ตกใจ" ไว้แต่เนิ่นๆ อย่าเชื่อนักวิเคราะห์ให้มากนัก เพราะด้านบวกก็มีคือ รับบาลเยอรมันคงจะปล่อยให้ยักษ์ใหญ่ล้มไม่ได้ (เพราะใหญ่เกินจะล้ม) ทั้ง DEUTSCHE BANK ยังมีทรัพย์สินพอใช้หนี้ แต่ทั้งระบบจะเสียไปแล้ว (ดูหุ้นธนาคาร)

พายุนี้จะจะเข้าไทยเมื่อไร ทั้งผู้ประกอบการ ทั้งผู้ซื้อ ต้องเตรียมตัวอย่างไร หวังว่าธนาคารชาติ-คลัง-รัฐบาล ของเรา พูดช้า แต่ฉลาดขึ้นมาก ทำหน้าที่ให้ดี ให้ข่าวอยู่ตลอดเวลา อย่าให้ตลาดเดาและคาดหวังกันเอง ขอให้ไทยโชคดีครับ คนกลัวเท่านั้นจะอยู่รอดจากวิกฤติ และทุกวิกฤติมีโอกาสทั้งนั้น (สุภาษิตจีนครับ) ทุกคนโชคดี เลิกทะเลาะกันได้แล้วครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,199 วันที่ 9 - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559