เทรนด์ใหม่นิยมจ้างช่างเหมา สมาคมไทยรับสร้างบ้านคาดแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

10 ต.ค. 2559 | 11:00 น.
"เอสซีจี โฮมโซลูชั่น" ชี้พฤติกรรมเจ้าของบ้านกว่า 70% จ้างช่างสร้างบ้านเหมาแบบเบ็ดเสร็จทั้งค่าแรงและค่าวัสดุ แต่ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าร่วมกัน ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญจากเอสซีจีเข้าประจำทุกสาขาทั่วประเทศ หวังยอดขายปีนี้เพิ่ม 10% ด้านสมาคมไทยรับสร้างบ้านประเมินไตรมาสสุดท้ายความต้องการสร้างบ้านปรับตัวดีขึ้นตามจีดีพี

นายมานิตย์ บุญประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจค้าปลีก เครือข่ายผู้แทนจำหน่าย บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมของเจ้าของบ้านในกลุ่มบ้านเดี่ยวสร้างเองที่เป็นลูกค้าของเอสซีจี โฮมโซลูชั่น จำนวน 1,700 หลังทั่วประเทศ พบว่าเจ้าของบ้านกว่า 70% มีข้อตกลงการสร้างบ้านแบบจ้างช่างเบ็ดเสร็จ คือให้ช่างเหมาทั้งค่าแรงและค่าวัสดุ อย่างไรก็ดี เจ้าของบ้านและช่างต่างมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าร่วมกัน ขณะเดียวกันยังพบว่าลูกค้าต้องการช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีบริการครบวงจร มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เริ่มก่อสร้างจนส่งมอบบ้านที่เสร็จสมบูรณ์ ภายใต้งบประมาณที่ไม่บานปลาย ดังนั้นเอสซีจี โฮมโซลูชั่น จึงพัฒนากลยุทธ์การให้บริการแบบ "VIP Approach ดูแลบ้านของลูกค้าเสมือนบ้านของเรา" ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งเจ้าของบ้านและช่างได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

สำหรับแนวทางในการสร้างการรับรู้ถึงกลยุทธ์การให้บริการในครั้งนี้ จะมุ่งสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นกลุ่มเจ้าของบ้านและกลุ่มช่างรับเหมา โดยเน้นสื่อสารถึงจุดเด่นในการเป็นนวัตกรรมร้านค้าวัสดุก่อสร้างรูปแบบใหม่ ที่มีสินค้าและบริการที่ครบวงจร มีคุณภาพ และมั่นใจได้ในมาตรฐานบริการ เพื่อกระตุ้นให้เจ้าของบ้านและช่างนำแบบบ้านพิมพ์เขียวมารับบริการที่ร้านมากขึ้น นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2559 ยังเตรียมมอบประสบการณ์เสมือนจริงและสร้างความประทับใจในบริการขั้นสูงสุด ที่บูธเอสซีจี ในงานบ้านและสวนแฟร์ 2016 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ธีม "เริ่มที่นี่...NO WORRY เรื่องบ้าน" โดยจะจำลองศูนย์บริการและจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างครบวงจรมาให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ตรงอย่างใกล้ชิด พร้อมมีบริการให้คำปรึกษาฟรีโดยทีมผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพที่มาตอบทุกคำถามเรื่องบ้าน

ขณะที่นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เผยว่า สมาคมฯ ประเมินตลาดบ้านสร้างเองไตรมาสสุดท้ายปีนี้ คาดว่ากำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผ่านช่วงฤดูฝนและเข้าสู่ช่วงที่ประชาชนนิยมสร้างบ้านหลังใหม่ เนื่องจากสภาพอากาศตามฤดูกาลซึ่งเข้าสู่ฤดูหนาวและต่อเนื่องฤดูร้อน ซึ่งมีช่วงระยะเวลานาน 6-7 เดือน เหมาะแก่การเตรียมตัวและปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ ขณะเดียวกับภาพรวมเศรษฐกิจประเทศที่แม้จะฟื้นตัวไม่ชัดเจน แต่ก็ถือว่าค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น โดยพิจารณาจากจีดีพีไตรมาสแรกและไตรมาสสองที่เติบโตเฉลี่ย 3.2% ใกล้เคียงกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ไว้ รวมทั้งจีดีพีไตรมาส 3 ก็มีแนวโน้มยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ปัจจัยดังกล่าวส่งผลด้านจิตวิทยาและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้น อย่างไรก็ดี แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่สมาคมฯ ประเมินว่าผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังสูง

ทั้งนี้ สมาคม เคยคาดการณ์ปริมาณและมูลค่าตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศปี 2559 นี้ไว้ประมาณ 8 หมื่นล้านบาทเศษ โดยประเมินว่ากลุ่มธุรกิจ "รับสร้างบ้าน" ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีแชร์ส่วนแบ่งประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท แต่ตลอดระยะเวลา 9 เดือนเศษที่ผ่านมา พบว่ากำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านคึกคักเฉพาะช่วงไตรมาสแรก แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2-3 กำลังซื้อกลับมาชะลอตัวอีกครั้ง นายสิทธิพร กล่าวถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2559 นี้ มีโอกาสขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา ประเมินจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคและแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศ ที่ปรับตัวดีขึ้นจากการลงทุนโครงการของภาครัฐ รวมถึงการรุกตลาดของผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,198 วันที่ 6 - 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559