ธปท.ร่อนหนังสือเวียนกำชับแบงก์พาณิชย์สำรองบัตรเอทีเอ็ม-เดบิตชนิดธรรมดาเพิ่มให้เพียงพอกับความต้องการ หลังโดนร้องเรียนเสนอบัตรพ่วงบริการเสริมขูดค่าธรรมเนียมอ้างบัตรธรรมดาหมด/รอนาน ด้าน “ไทยพาณิชย์” ยันไม่ยัดเยียดบัตรพ่วงให้ลูกค้าแน่นอน ชี้มอนิเตอร์ทุกวัน จัดส่งสต๊อกบัตรให้สาขาตามจำนวนผู้ใช้ครอบคลุมทุกกลุ่ม แถมมีโปรโมชั่นฟรีค่าทำบัตรใหม่ถึงกลางปีหน้า ระบุฐานบัตรปัจจุบัน 14 ล้านใบ ลั่นเป็นบัตรชนิดธรรมดาส่วนใหญ่
[caption id="attachment_104140" align="aligncenter" width="335"]
รณดล นุ่มนนท์
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)[/caption]
นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งหนังสือเวียนถึงธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศ เรื่องขอความร่วมมือให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มปริมาณสำรองบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตชนิดธรรมดาให้มีความเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า เนื่องจากที่ผ่านมาธปท.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ เกี่ยวกับการทำบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิตในลักษณะของการถูกบังคับให้ทำบัตรประเภทที่มีบริการอื่นๆ เสริม โดยพนักงานธนาคารพาณิชย์อ้างว่าบัตรแบบธรรมดาหมดและต้องใช้เวลารอนาน ดังนั้นลูกค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิต จึงต้องทำบัตรแบบที่มีบริการเสริม ทำให้มีภาระต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีสูงกว่าบัตรธรรมดา
ขณะเดียวกัน ธปท.ได้สำรวจปริมาณการสำรองบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตประเภทต่างๆ พบว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมีการสำรองบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตชนิดธรรมดาไว้ที่สาขาธนาคารในปริมาณที่น้อยกว่าบัตรประเภทที่มีบริการอื่นเสริม ทำให้ลูกค้าไม่สามารถทำบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตตามชนิดที่ต้องการได้ ธปท.จึงขอความร่วมมือให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มปริมาณสำรองบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตชนิดธรรมดาให้มีความเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า พร้อมอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจบริการบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตประเภทต่างๆ อย่างถ่องแท้เพื่อประกอบการตัดสินใจ และเป็นไปตามสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานด้านกำกับการปฏิบัติตามกฏเกณฑ์และหน่วยงานตรวจสอบภายในของธนาคารพาณิชย์มีส่วนร่วมในการกำกับดูแลและประเมินการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติดังกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิทธิในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามความจำเป็นซึ่งเป็นไปตามสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค ตามแนวนโยบายเรื่องการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2556 และแนวนโยบายเรื่องการกำกับดูแลการขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์และด้านประกันภัยผ่านธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 ที่ได้บัญญัติสิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายไว้ 5 ประการ
จากประเด็นดังกล่าว นางสาวพรรณพร คงยิ่งยง รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดลูกค้าบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การบริหารจัดการเรื่องบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตนั้น ธนาคารจะมีการมอนิเตอร์จากสำนักงานใหญ่ทุกวันในเรื่องของปริมาณการสำรองบัตรให้มีความเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าอยู่แล้ว และธนาคารมั่นใจว่าไม่มีปัญหาในเรื่องการยัดเยียดบัตรเอทีเอ็มและเดบิตที่มีบริการเสริม เช่น ประกัน ที่ลูกค้าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแพงขึ้นโดยอ้างว่าบัตรชนิดธรรมดาไม่มีแต่อย่างใด
เนื่องจากปัจจุบันธนาคารมีการมอนิเตอร์และสำรวจทุกวันว่าในแต่ละสาขามีความต้องการบัตรในลักษณะอย่างใด และจะมีการส่งสต็อกบัตรให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าและสาขานั้นๆ เพื่อส่งตรงครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยจะเห็นว่าปัจจุบันฐานบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตรวมอยู่ที่ 1.4 ล้านใบ ส่วนใหญ่จะเป็นบัตรชนิดธรรมดาไม่มีบัตรประเภทบริการเสริมมากนัก
นอกจากนี้ จะเห็นว่านับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาหลังจากธปท. ให้ธนาคารพาณิชย์ออกบัตรใหม่ โดยให้เปลี่ยนบัตรมาเป็นบัตรชิปการ์ดเพื่อความปลอดภัย แม้ว่าในช่วงแรกของการประกาศจะมีลูกค้าเข้ามาเปลี่ยนบัตรจำนวนมาก ทำให้ช่วงแรกการสต็อกบัตรอาจจะไม่เพียงพอ แต่ปัจจุบันธนาคารมีการสต็อกบัตรในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า โดยลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความพอใจที่จะใช้บัตรประเภทไหน ประกอบกับขณะนี้ธนาคารมีโปรโมชั่นให้ลูกค้าที่เปลี่ยนบัตรหรือทำบัตรใหม่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมจนถึงเดือนมิถุนายน 2560 จึงไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องที่ธปท.ให้ความกังวล
“การสำรองปริมาณบัตรแต่ละสาขาอาจจะแตกต่างกัน แต่ธนาคารมีการมอนิเตอร์ทุกวันว่าสาขาไหน พื้นที่ไหนต้องการบัตรประเภทไหน ซึ่งเราจะมีการจัดส่งบัตรให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า จึงไม่มีปัญหาเรื่องบัตรธรรมดาจะมีน้อยกว่าบัตรประเภทที่มีบริการเสริม
อนึ่ง ข้อมูลจากธปท. ระบุว่าฐานบัตรเอทีเอ็มและเดบิตรวมทั้งระบบ ณ เดือนกรกฎาคม 2559 มีจำนวนทั้งสิ้น 60.3 ล้านบัตร แบ่งเป็น ฐานบัตรเอทีเอ็มจำนวน 11.99 ล้านบัตร และบัตรเดบิตอยู่ที่ 48.31 ล้านบัตร
Photo :
Pixabay
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,198 วันที่ 6 - 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559