สธ.ประชุมทางไกลฯเตรียมพร้อมรับนโยบายให้ผู้เสพเป็นผู้ป่วย 1 พ.ย.นี้

01 ต.ค. 2559 | 02:40 น.
กระทรวงสาธารณสุข ประชุมวีดีโอทางไกลกับหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรองรับนโยบายรัฐบาลด้านยาเสพติด ให้ผู้เสพเป็นผู้ป่วย ที่จะเริ่มดำเนินการในวันที่  1 พฤศจิกายนนี้  เน้นดูแลมาตรฐาน การคัดกรองและการบำบัดรักษาฟื้นฟู  โดยจะเข้าไปช่วยภาคีเครือข่ายทำงานต่อเนื่อง ย้ำเข้มมาตรการป้องกันยาเสพติดต่อเนื่อง

นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วยผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย กลาโหม ยุติธรรม ฯ สำนักงานตรวจแห่งชาติ กทม. ประชุมทางไกล ผ่านระบบวิดีโอกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ  ชี้แจงนโยบายการพัฒนาระบบการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติด  รองรับนโยบายรัฐบาล ที่ให้ผู้เสพเป็นผู้ป่วย เพื่อให้พร้อมดำเนินการในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559  และให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้ชี้แจงให้หน่วยงานในสังกัดเตรียมพร้อมทั้งด้านโครงสร้าง บุคลากร งบประมาณในการรองรับนโยบาย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะเน้นการดำเนินการด้านการคัดกรองและด้านมาตรฐานการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพ ทั้งในระบบสมัครใจบำบัด บังคับบำบัดและต้องโทษ ให้มีมาตรฐานเดียวกัน โดยจะเข้าไปสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานที่ทำงาน ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพยาเสพติดทุกสังกัด

ทั้งนี้  ได้กำชับให้หน่วยงานทุกแห่ง ดำเนินการดังนี้ 1. เข้มข้นงานป้องกันอย่างต่อเนื่อง  อาทิ โครงการ   To Be Number One  ศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่น  2.จัดตั้งศูนย์คัดกรองผู้ป่วยยาเสพติดในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ และในสังกัดกรมสุขภาพจิต การบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพ การถอนพิษยา ปรับสภาพร่างกายจิตใจให้เกิดความเข้มแข็งไม่คิดกลับไปใช้ยาเสพติดอีกให้ผู้เสพ  ผู้ติดเข้าถึงบริการ ทั้งทางกาย และทางจิตใจอย่างครอบคลุม มีคุณภาพ 3.มีระบบการติดตามดูแลผู้ผ่านการบำบัด ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) เพื่อให้กลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะวัยรุ่น มีความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดที่ถูกต้อง สามารถป้องกันตัวเองจากสารเสพติดได้ รวมทั้งระบบข้อมูลการบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของประเทศ(บสต.)ใหม่ ประมวลข้อมูลโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)

“เราต้องคัดแยกผู้เสพ ออกจากจากผู้ผลิต ผู้ค้า เพื่อนำไปดูแลในฐานะผู้ป่วยอย่างเหมาะสม หากเป็นการเสพในงานปาร์ตี้ อาจจะให้การดูแลได้ที่รพ.สต. หากมีอาการเสพติดมีอาการทางสมองต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเฉพาะ เน้นย้ำให้ดูแลในฐานะผู้ป่วย ให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดประสบผลสำเร็จเช่นประเทศอื่นๆ”นายแพทย์โสภณกล่าว