เบเกอรี่‘เคลเซ่’ ลุยปั้นแบรนด์ เทงบรุกตลาดครบวงจรมุ่งสิ้นปีโกย 2,000 ล้านบาท

01 ต.ค. 2559 | 07:00 น.
ธุรกิจเบเกอรี่มาแรง "เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ฯ" สบช่องส่งขนมบัตเตอร์ ฟินในชื่อ "เคลเซ่" ภายใต้แนวคิด"เบเกอรรี่ ทู โก" เจาะตลาดเมืองไทย เตรียมพัฒนาแบรนด์ปูพรมรุกตลาดครบวงจร พร้อมซุ่มเงียบสยายปีกบุกซีแอลเอ็มวี ก่อนต่อยอดไปยังตลาดยุโรปต่อเนื่อง วางเป้า 3 ปีโกยรายได้ 4,500 ล้านบาท

นายสมชาย อัศวปิยานนท์ประธาน บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตเบเกอรี่ภายใต้แบรนด์ "เคลเซ่" เปิดเผยว่า จากแนวโน้มการเติบโตในกลุ่มธุรกิจเบเกอรี่ในเมืองไทยและภูมิภาคอาเซียนที่ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทเล็งเห็นช่องทางในการเติบโต ล่าสุดจึงได้เปิดตัวแบรนด์ขนมบัตเตอร์ ฟินในชื่อ "เคลเซ่" ภายใต้แนวคิด"เบเกอรรี่ ทู โก" หรือลูกค้าสามารถพกพาได้ง่ายเพื่อวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น แต่ยังกระจายไปยังช่องทางโมเดิร์นเทรด หลังจากที่บริษัทเป็นผู้ผลิตเบเกอรี่ ให้กับร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น มานานกว่า 10 ปี

สำหรับแผนงานในการพัฒนาแบรนด์ช่วง 3 ปีนับจากนี้ได้เตรียมงบประมาณทางการตลาดไว้ที่ 100 ล้านบาท โดยจะเน้นการทำตลาดควบคู่กันทั้งในและต่างประเทศ แบ่งเป็นงบประมาณทางการตลาดในปีหน้า (ปี 2560) ที่ 20-25 ล้านบาท จากช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ที่ใช้ประมาณทางการตลาด 10 ล้านบาท ในการรุกตลาดอย่างเต็มรูปแบบทั้งรูปแบบของโฆษณาทางทีวี (TVC) โดยจะโฟกัสการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ในสัดส่วน 70% ควบคู่กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติม 4-5 รายการ ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มเค้กและบิสกิต เป็นต้น

"เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการใช้เงินลงทุนราว 700 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตในส่วนของเครื่องจักรในโรงงานแห่งที่ 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตจาก 6 แสนชิ้นต่อวันเป็น 1.5 ล้านชิ้นต่อวัน จากปัจจุบันที่บริษัทมีโรงงานทั้งสิ้น 4 แห่ง ได้แก่ นิคมอมตะนคร จ.ชลบุรี 2 แห่ง และที่ จ.นนทบุรี 2 แห่ง"

ขณะที่ในส่วนของการขยายตลาดต่างประเทศนั้น เบื้องต้นอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศในแถบซีแอลเอ็มวี อันได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม ผ่านการกระจายสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศในช่วงปลายปีนี้และจะเริ่มรุกตลาดจริงจังในช่วงต้นปีหน้า โดยมองว่าประเทศที่มีศักยภาพทางการเติบโตมากดีที่สุดในได้แก่ เวียดนาม เนื่องจากมีปัจจัยบวกด้านประชากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ วัยหนุ่มสาวที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของทางแบรนด์อยู่จำนวนมาก

"ไม่เพียงในภูมิภาคอาเซียน แต่ในอนาคตเรายังวางเป้าหมายในการขยายตลาดไปยังทวีปยุโรป โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนงาน ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมผู้บริโภค การปรับโฉมแพ็กเกจจิ้งเพื่อให้ตรงต่อความต้องการของตลาด รวมไปถึงข้อกฎหมายต่างๆเพื่อเตรียมความพร้อมอีกด้วย"

อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายยอดขายในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่มาจากการรับจ้างผลิต (OEM) 95% และจากแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นมาเอง 5% หรือคิดเป็นมูลค่า 80 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายรายได้อีก 3 ปีข้างหน้าไว้ที่ 4,500 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% แบ่งเป็นการรับจ้างผลิต (OEM) 70% และจากแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นมาเอง 30%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,196
วันที่ 29 กันยายน - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559