ราคาน้ำมันดิบเพิ่มต่อหลังข่าวข้อตกลงการกำหนดเพดานการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก

30 ก.ย. 2559 | 02:30 น.
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมันประจำวันที่ 30 กันยายน 2559

+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องราว 1 เปอร์เซ็นต์ หลังข่าวการบรรลุข้อตกลงการกำหนดเพดานการผลิตน้ำมันดิบในวันสุดท้ายของการประชุม International Energy Forum (IEF) เมื่อวันก่อนหน้า โดยกรอบกำลังการผลิตของทางโอเปกอยู่ที่ 32.5 ถึง 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ตั้งแต่ปี 2008 อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบไม่ได้ปรับขึ้นมากนักเนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าข้อตกลงนี้จะมีผลต่อปริมาณน้ำมันดิบที่ยังคงล้นตลาดหรือไม่

- นอกจากนี้ นาย Tariq Zahir นักลงทุนจาก Tyche Capital Advisors ในสหรัฐฯ กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ไม่สามารถปรับขึ้นไปสูงเกินระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลได้ในขณะนี้ เนื่องจากตลาดบางส่วนยังคงตั้งข้อสงสัยในการกระทำของโอเปกว่าจะเป็นเพียงการออกข่าวเพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบเท่านั้น

- รวมถึงในปัจจุบันคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาดราว 1-1.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบจากโอเปกจะหายไปราว 700,000 บาร์เรล ทำให้ปริมาณน้ำมันดิบยังคงล้นตลาดต่อไป

-/+ Goldman Sach ประกาศคงตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้ และปีหน้า โดยระบุว่าแม้ข้อตกลงของกลุ่มโอเปกจะช่วยหนุนราคาในระยะสั้น แต่ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงแนวโน้มปริมาณน้ำมันดิบในอนาคตมากนัก โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในปี 2016 น่าจะปิดที่ประมาณ 43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และในปี 2017 ที่ประมาณ 53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินในภูมิภาคที่ยังอยู่ในระดับสูง ถึงแม้ว่าจะได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากอินโดนิเซียและอียิปต์

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการส่งออกน้ำมันดีเซลที่ลดลงจากประเทศจีน ร้อยละ 30.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับมีอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศเคนย่า

oil30 ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 44-49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลงรวมทั้งสิ้นราว 23 ล้านบาร์เรลใน 4สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ระดับ 502.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบนำเข้าสหรัฐฯ ปรับลดลงต่อเนื่อง

จับตาท่าทีของกลุ่มโอเปกและการเจรจาของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกกับผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัสเซีย ภายหลังที่สามารถบรรลุข้อตกลงในการคงกำลังการผลิตไว้ที่ระดับ 32.5 - 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวและสัดส่วนโควตาจะมีการพิจารณาอีกครั้งในการประชุมโอเปกครั้งถัดไปในวันที่ 30 พ.ย.

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียและไนจีเรียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดลิเบียปรับเพิ่มกำลังการผลิตมาอยู่ที่ระดับ 0.48 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากระดับการผลิตในเดือนก่อนหน้าที่ประมาณ 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังสามารถส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือ Ras Lanuf ได้ในช่วงที่ผ่านมา

ที่มา :บมจ.ไทยออยล์