สนพ.เผยสถานการณ์การใช้พลังงาน 9 เดือนปี 59 โตขึ้นร้อยละ 1.1 ตาม GDP

28 ก.ย. 2559 | 06:38 น.
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เผยถึงสถานการณ์ราคาพลังงานที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำตลอดปี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยพบว่า การใช้พลังงาน 9 เดือนแรกของปี 59 คาดว่าคนไทยใช้พลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 โดยคาดว่า การใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 และการใช้น้ำมันสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 ส่วนการใช้ LPG/NGV ลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอความร่วมมือทุกคนใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าภายใต้แนวคิด “ชีวิตหาร 2 ลดครึ่งใช้ครึ่ง”

วันนี้(28 ก.ย.2559) ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์ราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับต่ำตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา ทำให้การใช้พลังงานรอบ 9 เดือนแรก (มกราคม – กันยายน) ของปี 2559 ในภาพรวมคาดว่ามีการใช้พลังงานขั้นต้นของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน สอดคล้องกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ (GDP) โดยมีความต้องการใช้พลังงานอยู่ที่ 2,105 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน แบ่งเป็นการใช้น้ำมัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่แม้จะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกแต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีความต้องการใช้ในระดับสูง เช่นเดียวกับการใช้ลิกไนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 จากการใช้ในการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ด้านการใช้ไฟฟ้าพลังน้ำ/ไฟฟ้านำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.2 เนื่องจากโรงไฟฟ้าหงสา หน่วยที่ 3 ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เริ่มจ่ายไฟเข้าระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคม ขณะที่การใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงสุดร้อยละ 43 ของการใช้พลังงานขั้นต้นทั้งหมด มีการใช้ลดลงร้อยละ 2.6 เนื่องจากในช่วงต้นปีแหล่งก๊าซธรรมชาติของเมียนมาหยุดจ่ายก๊าซเพื่อซ่อมบำรุงอุปกรณ์ และแหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทยมาเลเซีย (เจดีเอ) หยุดซ่อมบำรุงในเดือนสิงหาคม ทำให้ปริมาณก๊าซธรรมชาติในระบบลดลง

โดย การใช้น้ำมันสำเร็จรูป คาดว่าอยู่ที่ระดับ 137 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการใช้น้ำมันสำเร็จรูปเกือบทุกประเภทตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการใช้ในภาคขนส่ง เนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยการใช้น้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล      ซึ่งเป็นกลุ่มน้ำมันสำเร็จรูปสำคัญ มีการใช้เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 และร้อยละ 4.1 ตามลำดับ ขณะที่การใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) อยู่ที่ระดับ 503 พันตันต่อเดือน ลดลงร้อยละ 10.8 โดยลดลงในเกือบทุกภาคเศรษฐกิจ ทั้งการใช้ในภาคปิโตรเคมี ลดลงร้อยละ 20.6 เนื่องจากกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวเปลี่ยนไปใช้แนฟทาในการผลิตปิโตรเคมีแทน LPG ส่วนภาคขนส่ง ลดลงร้อยละ 15.6 เนื่องจากผู้ใช้รถยนต์บางส่วนหันไปใช้น้ำมันที่มีราคาถูกลง ด้านการใช้ในภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีสัดส่วนการใช้สูงสุด มีการใช้ค่อนข้างคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.4 ทั้งนี้ความต้องการใช้ LPG ที่ลดลงอย่างมากส่งผลให้การนำเข้า LPG ลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2558

สำหรับปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติ คาดว่าอยู่ที่ระดับ 4,726 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ลดลงร้อยละ 1.0 โดยเป็นการลดลงเกือบทุกภาคเศรษฐกิจ ทั้งการใช้เพื่อผลิตไฟฟ้า ลดลงร้อยละ 1.3 เนื่องจากในช่วงที่เมียนมาหยุดจ่ายก๊าซ โรงไฟฟ้าฝั่งตะวันตกเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงอื่นในการผลิตไฟฟ้าแทน การใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงแยกก๊าซ ลดลงร้อยละ 1.4 และการใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ (NGV) ลดลงร้อยละ 8.6 เนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศที่ลดลงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 ทำให้ผู้ใช้รถยนต์บางส่วนหันไปใช้น้ำมันแทน NGV

ในส่วนของปริมาณการใช้ไฟฟ้า ช่วง 9 เดือนแรกคาดว่ามีการใช้ไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 137,424 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 โดยเพิ่มขึ้นในเกือบทุกภาคส่วน ตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัวดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้การใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) รอบปัจจุบัน เดือนกันยายน – ธันวาคม อยู่ที่อัตรา -33.29 สตางค์ต่อหน่วย คงที่เท่ากับช่วงก่อนหน้า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ใช้ไฟฟ้า และรองรับการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้นในต้นปีหน้า

“สำหรับดัชนีชี้วัดด้านพลังงาน พบว่า ดัชนีชี้วัดความมั่นคงด้านพลังงาน และดัชนีด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่อยู่ในระดับดี ขณะที่ดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อยู่ในระดับที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัจจัยราคาน้ำมันที่ลดลงส่งผลกระทบให้มีการบริโภคพลังงานเพิ่มขึ้น ดังนั้น สนพ. จึงยังคงขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนช่วยกันประหยัดพลังงาน โดยล่าสุดได้มีกิจกรรม ชีวิตหาร 2 ลดครึ่งใช้ครึ่ง ประหยัดชัวร์ อีกหนึ่งแคมเปญที่จะมาช่วยปลุกกระแสประชาชนร่วมกันประหยัดพลังงาน เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงานไทย” ดร.ทวารัฐ กล่าวเพิ่มเติม