รอบด้านตลาดหุ้น by  Bualuang Securities  

27 ก.ย. 2559 | 03:30 น.
SET Index ปรับตัวลดลง 0.18% ปิดที่ 1490.14 จุด ในขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังคงมีความผันผวนสูงอยู่ ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีแรงขายหน่นแน่นตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปเปิดต่ำเนื่องจากดัชนี PMI ภาคธุรกิจเดือนก.ย. ลดลงต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2016

ปัจจุบันเราแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังหุ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ซึ่งเป็นหุ้นที่มีน้ำหนักในดัชนีอยู่มาก ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงมาที่ 46 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากอุปทานส่วนเกินที่ยังมากอยู่ ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น รวมทั้งความต้องการใช้น้ำมันดิบอาจลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปก และ รัสเซีย 28 กย.นี้ หากยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องกำลังการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพน้ำมันได้ อาจสร้างความกดดันราคาน้ำมันดิบและเป็นลบต่อหุ้นเชื่อมโยง

ราคาหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่รีบาวด์ขึ้นแต่ปริมาณการซื้อขายคาดลดลง สินทรัพย์เสี่ยงกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดัน ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 และยุโรปกำลังปรับตัวลง ราคาทองที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอาจไม่ได้มาจากอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นแต่มาจากการหวาดกลัวการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

กลยุทธ์การลงทุน เราเลือกลงทุนเป็นหุ้นรายตัว และใช้สัญญาณทางเทคนิคเข้ามาช่วยจับจังหวะการซื้อขาย เราแนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นที่ส่งสัญญาณอ่อนกว่าตลาด หุ้นที่เกิดสัญญาณขายหรือการเปลี่ยนรูปแบบเป็นขาลง ปัจจุบันเราพบว่าเริ่มมีแรงขายจากสถาบันในประเทศขณะที่แรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติชะลอลง อาจส่งผลให้การปรับตัวขึ้นมีอัพไซด์จำกัด แนวโน้มตลาดสัปดาห์นี้ยังคงเหมาะกับกลยุทธ์การเทรด ขณะที่ภาพรวม SET ยังปิดต่ำกว่าจุดต้านที่ให้ไว้ที่ 1510 จุด / แนวรับ 1470 จุด

รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้

(-) กลุ่มปิโตรเคมี สัปดาห์ที่แล้วราคาผลิตภัณฑ์เคมีส่วนใหญ่ปรับตัวลง เพราะแรงซื้อที่ลดลง และราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง และต้นทุน Naphtha ที่สูงขึ้นส่งผลให้ส่วนต่างกำไร (spread) ของผลิตภัณฑ์ฯส่วนใหญ่แคบลง ในบรรดาผลิตภัณฑ์เคมีที่เราติดตาม PVC เป็นตัวเดียวที่มี spread สูงขึ้น ในขณะที่ Benzene และ MEG มี spread ที่แคบลง อย่างไรก็ดีเราคาด demand ของผลิตภัณฑ์เคมีจะยังคงสูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ไปจนถึงครึ่งแรกของ 4Q16 valuation ของหุ้นที่ถูก PBV -1SD จากค่าเฉลี่ยในอดีต

(+) SPALI เราชอบเพราะความชัดเจนของกำไรในปี 2017 สูงสุดในกลุ่ม และเป้าหมายธุรกิจปี 2016 ของบริษัทมีความเสี่ยงที่จะผิดคาดน้อยที่สุดในกลุ่ม เราประเมินกำไรปีนี้เติบโต 9% ปีหน้าอีก 15% และประมาณการของเราอาจมีอัพไซด์จากมาร์จิ้นที่สูงกว่าคาด และการโอนโครงการ Monte@Viang เชียงใหม่ได้เร็วกว่ากำหนด จากแผนเดิมใน 1Q17 เป็นเริ่มโอนตั้งแต่ 4Q16 แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 28 บาท ปัจจุบันหุ้นเทรด P/E 8.2 เท่า และ 7.2 เท่า ในปี 2016-17 ตามลำดับ เทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต

(+) ALT เราร่วมประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ โดยรวมแล้วเรามีมุมมองเชิงบวกต่อภาพงาน turnkey รับงานจาก mobile operator ซึ่งแนวโน้มคาดจะเห็นงานออกมาตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าหมาย 5 ปี จะเพิ่มสัดส่วนกำไรจากส่วนที่เป็น recurring income ให้เป็น 50% ของพอร์ต ซึ่งจะมาจากโครงข่าย fiber optic จากบริษัทย่อย Information Highway และโครงข่ายตามเส้นทางรถไฟซึ่งอยู่ระหว่าง pre-sales ซึ่งโครงข่ายภาคใต้สร้างเสร็จแล้วในปัจจุบัน // แนวรับทางเทคนิค 7.80 บาท และแนวต้าน 8.60 บาท

(-) TSE SUPER IFEC ฯลฯ จากข่าว คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อนุมัติการทบทวนอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) หลังพบว่าปัจจุบันต้นทุนการผลิตไฟฟ้าปรับตัวลดลงมาก เนื่องจากราคาแผงเซลล์แสงอาทิตย์และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าลดลง โดยได้เห็นชอบอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ในรูปแบบ FiT ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอมาที่ระดับ 4.12 บาท/หน่วย ระยะเวลา 25 ปี ขณะที่มี FiT premium สำหรับโครงการในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ตลอดอายุโครงการ อีกจำนวน 0.50 บาท/หน่วย ที่มาสำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 59) // จากเดิมที่ 5.66 บาท/หน่วย เรามองว่าแม้จะไม่กระทบกับ PPA ที่ได้รับไปแล้ว แต่จะเป็นปัจจัยกดดันผลตอบแทนการลงในในโครงการใหม่ที่บริษัทคาดหวัง โดยเฉพาะโครงการโซล่าร์สหกรณ์-ราชการ ส่วนที่เหลืออีก 500MW เบื้องต้นคาดเป็นลบต่อ TSE SUPER IFEC ฯลฯ  (ความเห็นจาก BLS research)

(+) Fund Flow ต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยที่ 1.6 ล้านเหรียญ ณ สิ้นวันที่ 23 ก.ย. รวม 464.4 ล้านเหรียญในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ประเทศเกาหลีและไต้หวันขายสุทธิที่ 362.2 ล้านเหรียญและ 864.8 ล้านเหรียญ ตามลำดับ ส่วนอินโดนิเซียและฟิลิปปินส์ซื้อสุทธิ 3.32 ล้านเหรียญและ 39.96 ล้านเหรียญ ตามลำดับ แต่ทั้งสองประเทศนี้มี flow สะสมที่ลดลงต่อเนื่องใน 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามตัวเลขซื้อสุทธิในสัปดาห์ที่แล้วในตลาดหุ้นไทยเป็นสัญญาณฟื้นตัวของ Fund Flow ที่ดี

ที่มา:บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง