มติเฟดกับการเลือกตั้ง หนุนคลินตันหรือเข้าทางทรัมป์กันแน่

27 กันยายน 2559
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) กล่าวแบบเน้นๆเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ยนั้น “พิจารณาจากความเหมาะสม” ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองแต่อย่างใด และย่อมไม่มีการถือหางหรือเข้าข้างพรรคใด แต่ในทางกลับกัน มันเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับเช่นกันว่า ทุกการตัดสินใจของเฟดมีผลพวงที่สำคัญทางการเมืองตามมา อย่างเช่นในครั้งนี้ เมื่อมติของที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดเมื่อวันที่ 20-21 กันยายน 2559 ตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยไว้ที่อัตราเดิม นั่นแปลว่า ประชาชนอเมริกันผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งทั้งหลาย ไม่น่าจะได้เห็นหุ้นในตลาดราคาตกลง หรือเศรษฐกิจแตะเบรคชะลอตัวก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 8 พฤศจิกายนศกนี้ค่อนข้างมาก

ก่อนหน้านี้ เยลเลนเคยถูกนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันในศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวหาว่า เธอใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งประธานเฟด กดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำเกินจริงเพื่อหวังผลกระตุ้นราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ให้สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อพรรครัฐบาลซึ่งก็คือเดโมแครต และนั่นก็หมายความว่า นายทรัมป์กล่าวหาประธานเฟดเข้าข้างนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตในศึกใหญ่ครั้งนี้

นายเบรตต์ เอวิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายกลยุทธ์ตลาด บริษัทเฟิร์สท์ แฟรงคลิน ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ให้ความเห็นว่า หลังเฟดมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ ทีมงานหาเสียงของนางฮิลลารีก็คงหายใจหายคอได้สะดวกและโล่งอกไป เพราะตอนนี้ตลาดการเงินยังไม่พร้อมสำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ย และถ้าขึ้นดอกเบี้ยตอนนี้เขาเชื่อว่าตลาดจะปั่นป่วนอย่างมาก “ตอนนี้สถานการณ์ที่ไม่หวือหวา ไม่มีดราม่า น่าจะดีที่สุดสำหรับพรรครัฐบาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับนางฮิลลารีที่เป็นตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี “ตอนนี้ฮิลลารีหวังพึ่งตัวเลขเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ทยอยออกมาว่าดีขึ้น เป็นเครื่องมือในการแข่งขันกับทรัมป์ที่คะแนนนิยมพุ่งแรงในระยะหลังๆนี้” นักวิเคราะห์กล่าว พร้อมชี้ให้เห็นว่า หลังจากเฟดมีมติตรึงดอกเบี้ย ตลาดหุ้นก็ตอบรับด้วยดัชนีที่พุ่งทะยานขึ้น

ด้านนางเยลเลนระบุผ่านแถลงการณ์หลังการประชุม FOMCว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแรงขึ้น และยังไม่มีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อให้เห็นมากนัก ตัวเลขเงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ในระดับ 2 % จึงสามารถชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปก่อนเพื่อรอให้ตลาดแรงงานแข็งแรงขึ้นกว่านี้ด้วย ท่าทีของเฟดจากการประชุมล่าสุดนี้ ตอกย้ำให้เห็นว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ อยู่ในภาวะที่ไม่น่ากังวลใจ แข็งแรงขึ้น และมีความหวังในทางที่ดี ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นผลบวกต่อพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วน นำเสนออีกมุมมองความคิดว่า ผลในเชิงลบก็มีอยู่เหมือนกัน เพราะบางทีการไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ มันสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่แข็งแรงมากพอ เพราะเพียงแค่การปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงน้อยนิดก็อาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงลบตามมาได้ เฟดจึงยังไม่กล้าที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย

และนั่นก็เป็นการตอกย้ำสิ่งที่นายทรัมป์และสมาชิกพรรครีพับลิกันคนอื่นๆหยิบมาโจมตีรัฐบาลโดยตลอดว่า จริงๆแล้วเศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้น ยังอยู่ในภาวะอ่อนแอขั้นรุนแรงเลยทีเดียว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,195 วันที่ 25 - 28 กันยายน พ.ศ. 2559