ห้องพักโรงแรมโอเวอร์ซัพพลาย เมียนมาหยุดโครงการใหม่ใน 5 เมือง

25 ก.ย. 2559 | 11:00 น.
กระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยวแห่งเมียนมาประกาศห้ามการก่อสร้างโรงแรมใหม่ในเขต 5 เมืองใหญ่แล้วเมื่อเร็วๆนี้ ท่ามกลางสภาวะจำนวนห้องพักล้นสำหรับนักท่องเที่ยวเกินความต้องการของตลาด

[caption id="attachment_100204" align="aligncenter" width="500"] โรงแรมใหม่ในเมียนมา โรงแรมใหม่ในเมียนมา[/caption]

สื่อเมียนมารายงานว่า การท่องเที่ยวที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วทำให้เกิดโครงการก่อสร้างโรงแรมใหม่ๆ รวมทั้งห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมทั้งโมเต็ลและเกสต์เฮาส์ เป็นจำนวนมากในเมียนมา ทั้งนี้ 5 เมืองใหญ่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมนั้นได้แก่ ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ ตองยี นองชเว และกะลอว์

ทั้งนี้ สถิติของกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยวชี้ว่า ประมาณ 46% ของห้องพักโรงแรมในเมืองย่างกุ้งเป็นห้องที่ไม่มีการเข้าพัก หรือเป็นห้องว่างนั่นเอง ขณะที่ในเมืองมัณฑะเลย์ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว มีอัตราการเข้าพักเพียง 51 % ของจำนวนห้องพักทั้งหมด สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ในเมืองเล็กกว่านั้น อาทิ นองชเว มีอัตราการเข้าพักเพียง 28 % ตองยี 43 % และกะลอว์ 18 %

ปัจจุบัน ทั่วประเทศเมียนมา มีโครงการโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างและดำเนินกิจการแล้ว 1,371 ราย มีจำนวนห้องพักรวมกันถึง 53,716 ห้อง สถิติ 6 เดือนแรกของปีนี้ชี้ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนเมียนมานั้นเพิ่มขึ้น 4 เท่าเป็นราวๆ 1.69 ล้านคนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (6.5 แสนคน)

สำหรับปี 2559 นี้ เป็นที่คาดหมายว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนเมียนมาจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 5.5 ล้านคน และจากนั้นยังจะขยายตัวต่อไปเป็น 7.5 ล้านคนในปี 2562 นายทิน วิน ปลัดกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยวแห่งเมียนมา เปิดเผยว่า เมียนมายังคงต้อนรับการลงทุนในอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวในเมืองหลักๆ

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการจัดงานประชุมนานาชาติว่าด้วยเรื่องอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวขึ้นที่เมืองย่างกุ้ง ได้มีการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง และผู้เข้าร่วมประชุมยังได้นำเสนอประเด็นปัญหาเพื่อระดมความคิดในการแก้ไข อาทิ เกาะมะริด ซึ่งแม้จะมีความสวยงามแต่ยังเดินทางไปลำบากเนื่องจากสภาพสาธารณูปการพื้นฐานเก่า-ล้าสมัย ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนหนึ่งไม่กล้าเดินทางไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,194 วันที่ 22 - 24 กันยายน พ.ศ. 2559