ตลาดคอนโดฯครึ่งหลังแข่งเดือด ชูแต่งภายในหรูเจาะกลุ่มลักชัวรี่

25 ก.ย. 2559 | 04:00 น.
ซีบีอาร์อี เผยตลาดคอนโดฯโค้งสุดท้ายแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มลักชัวรี่-ซุปเปอร์ลักชัวรี่ ชี้ลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการตกแต่งภายใน/การบริการ ด้าน เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ ส่ง "ลาวีค สุขุมวิท 57" คอนโดฯซุปเปอร์ลักชัวรี่โครงการแรก เจาะกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ย่านทองหล่อ ชูจุดเด่นด้านราคา

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด หรือCBRE กล่าวว่า การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในครึ่งปีหลัง จะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น เนื่องจากมีโครงการเปิดตัวมากกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะบนทำเลสุขุมวิทตั้งแต่พร้อมพงษ์จนถึงเอกมัย ซึ่งส่วนใหญ่เน้นตลาดลักชัวรี่ถึงซุปเปอร์ลักชัวรี่ ทั้งนี้ จากการศึกษายังพบว่า ลูกค้าระดับบนส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญกับการตกแต่งภายในแบบโมเดิร์นคลาสสิก ที่ให้ความหรูหราระดับโรงแรม 5 ดาว สะท้อนความทันสมัยและรสนิยมแบบตะวันตกนอกจากนี้ยังมีความต้องการในส่วนของเซอร์วิส ไม่ว่าจะเป็น บริการซักรีด การซ่อมบำรุงในห้องพัก การปล่อยเช่าและขายห้อง นอกจากเรื่องของทำเลและสินค้าที่เป็นจุดขายสำคัญแล้ว เรื่องของราคาก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่กลุ่มลูกค้าระดับนี้ให้ความสำคัญ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าระดับบนส่วนใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง ต้องการสินค้าที่เป็นการลงทุนมาทดแทนดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำ การลงทุนในคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ที่ให้ผลตอบแทนจากการเช่าและมูลค่าเพิ่ม เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด

[caption id="attachment_100078" align="aligncenter" width="336"] สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด[/caption]

ด้าน นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการต่างๆไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ บิสสิเนสพาร์ค ตลอดจนคอนโดมิเนียม ล่าสุด บริษัทมีแผนขยายตลาดไปสู่กลุ่มไฮเอนด์ โดยประเดิมโครงการ ลาวีค สุขุมวิท 57 มูลค่าโครงการ 3,700 ล้านบาท จำนวน 33 ชั้น 1 อาคาร 235 หน่วย เป็นโครงการแรก และถือเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่โครงการแรกของบริษัทอีกด้วย

"จากการศึกษาและประเมินการลงทุนด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ สำหรับครึ่งปีหลัง พบว่า ตลาดกลุ่มไฮเอนด์มีศักยภาพด้านกำลังซื้อ แต่สินค้านั้นจะต้องตอบโจทย์ความต้องการ และโครงการนี้มีจุดเด่นเรื่องโลเคชั่น ใช้เวลาเดินเพียง 3 นาทีจากสถานี บีทีเอส ทองหล่อ ซึ่งเป็นสุดยอดทำเลแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ที่เป็นที่เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น The Em District หรือคอมมิวนิตี้มอลล์ แหล่งสังสรรค์ต่างๆ ทั้งยังมี โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล เป็นต้น โดยมีคอนเซ็ปต์การออกแบบที่มีเอกลักษณ์ที่หรูหราโอ่โถง พร้อมการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังระดับโลก อย่าง Fendi Casa นอกจากนี้ ยังมีจุดขายในเรื่องของบริการ อาทิ บริการพนักงานต้อนรับ บริการนำส่งไปรษณีย์ถึงหน้าห้องของลูกค้า บริการลอนดรี้ แอนด์ ดรายคลีน บริการปล่อยขาย/ปล่อยเช่า บริการทีมช่างซ่อม อย่างแท้จริง โดยทางบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย 50% ภายในสิ้นปี" นายสกุลธร กล่าว

นอกจากจุดเด่นในเรื่องของทำเลและตัวสินค้าแล้ว โครงนี้ยังมีราคาต่ำกว่าโครงการอื่นๆในพื้นที่เดียวกันคือเฉลี่ยที่ 240,000 บาทต่อตารางเมตร หรือราคาขายเริ่มต้นที่ 9 ล้านบาท ซึ่งราคาสำหรับ 1 ห้องนอนจะอยู่ที่ 9 – 12 ล้านบาท สำหรับ 2 ห้องนอนจะอยู่ที่ 18-22.5 ล้านบาท สำหรับ 2 ห้องนอนดูเพล็กซ์จะอยู่ที่ 20.8-23.5 ล้านบาท สำหรับ 3 ห้องนอนจะอยู่ที่ 26.7-36.9 ล้านบาท สำหรับเพ้นท์เฮ้าส์จะอยู่ที่ 65-91 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,194 วันที่ 22 - 24 กันยายน พ.ศ. 2559