นมวัวแดงลั่น5ปีโกยหมื่นล้าน วางกลยุทธ์ครบวงจรรุกตลาดในบ้าน-นอกบ้าน

24 ก.ย. 2559 | 08:00 น.
"อ.ส.ค." เปิดแผน 5 ปี ปรับนโยบายใหม่สู่รายได้หมื่นล้านบาท เดินหน้ารุกตลาดเต็มสูบทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดแบบครบวงจร เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย หวังขยายฐานสู่คนรุ่นใหม่เพิ่ม พร้อมก้าวสู่ความท็อป ออฟ มายด์ หรือ นมแห่งชาติ ขณะที่ตลาดต่างประเทศเตรียมเปิดสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค พัทลุง เพื่อใช้เป็นฐานสำคัญส่งออกไปยังอินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน

[caption id="attachment_99751" align="aligncenter" width="335"] ดร.ณรงฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ  ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ดร.ณรงฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ
ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)[/caption]

ดร.ณรงฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค เปิดเผยว่า อ.ส.ค. มีแผนงาน 5 ปีนับจากนี้ (ปี 2560-2564) ด้วยการมียอดขาย 1 หมื่นล้านบาท พร้อมกับการก้าวสู่ความเป็นท็อป ออฟ มายด์ ในใจผู้บริโภค หรือสู่ความเป็นนมแห่งชาติที่ทุกคนนึกถึง ซึ่งแผนงานต่อจากนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ประกอบไปด้วยนโยบายในด้านต่างๆ 4 ด้าน ดังนี้ 1.การส่งเสริมการเลี้ยงโคนมให้เกษตรเพื่อให้สามารถมีวัตถุดิบเพียงพอกับความต้องการ 2.การเป็นผู้ผลิตนมแบบครบวงจร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม 3.การสร้างแหล่งความรู้ชุมชนเกี่ยวกับนมและผลิตภัณฑ์นม และ5.การบริหารจัดการองค์กร สู่ความเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาล โดยมีกลยุทธ์หลักในการทำตลาดได้แก่ การสร้างหุบเขาแห่งนมที่ครบวงจร,การนำระบบไอทีที่มีศักยภาพและทันสมัยมาใช้ในการผลิต,การพัฒนาด้านบุคลากร,การทำซีเอสอาร์ 4.0 และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต

"เราพยายามทำเรื่องแบรนด์ที่หลากหลายมีการเชิญนักการตลาด นักวิชาการมาร่วมกันคิดเกี่ยวกับระบบของแบรนด์ (Brand System) เนื่องจากรู้ว่าทางเรายังมีจุดอ่อนอยู่ จึงได้มีการพัฒนาและดึงจุดแข็งของนม อ.ส.ค. ออกมาเป็นจุดขายเพื่อสร้างการเติบโตและตอบโจทย์ผู้บริโภคในการสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภครู้จัก อย่างการรีแบรนด์หรือรีภาพลักษณ์เราก็มีการศึกษา แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจว่าการจะปรับเปลี่ยนมันมีโครงสร้างมากกว่านั้น เหมือนเป็นการปรับระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ซึ่งคงต้องใช้เวลา"

ทั้งนี้ล่าสุดได้มีการเปิดตัวนาพาสเจอไรซ์ออร์แกนิก ตราไทย-เดนมาร์ค "มอร์แกนิก" (Morganic) เข้ามาทำตลาด โดยได้ทดลองวางจำหน่ายใน 3 สาขาได้แก่ ตลาด อ.ต.ก. ,ร้าน tot สำนักงานใหญ่ ถ. แจ้งวัฒนะ และร้านนมไทย-เดนมาร์คที่มวกเหล็ก สระบุรี และร้านอื่นๆ อาทิ ร้านสหกรณ์ กฟผ. ,Lowsan, villa market และ golden place เป็นต้น ในราคาขวดละ 40 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโถคเป็นอย่างดี โดยมีแม่วัวนมออร์แกนิกอยู่ทั้งสิ้น 24 ตัว และมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 250-300 กิโลกรัมต่อปี โดยในอนาคต (2561) มีแผนพัฒนาพื้นที่ 700 ไร่ บริเวณอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เป็นฟาร์มออร์แกนิก 100% และเพิ่มจำนวนแม่วัวนมออร์แกนิคมากขึ้น

สำหรับผลิตภัณฑ์นม "มอร์แกนิค" ถือเป็นผลิตภัณฑ์นมอินทรีย์ที่เปิดตัวออกมาเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่ หันมาใส่ใจสุขภาพและสินค้าที่มาจากธรรมชาติมากขึ้น โดยแผนวานนับจากนี้การเชิญเกษตรกรที่มีฟาร์มที่มีคุณภาพมาตรฐานเข้าร่วมโครงการนมออร์แกนิก เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการสูงแต่ยังขาดผู้ประกอบการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ทำตลาดนมออร์เเกนิก 100% อยู่เพียงสองรายได้แก่ ทาง อ.ส.ค. และแดรี่ โฮม โดยอ.ส.ค.วางเป้าหมายรายได้ของนมมอร์แกนิก ในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 2.5 ล้านบาท

ขณะที่การขยายฐานไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆอย่างกลุ่มนักศึกษา วัยทำงาน คนรุ่นใหม่ มีความพยายามในการสร้างกิจกรรมในมหาวิทยาลัย รวมไปถึงการจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ การส่งเสริมฟาร์มสู่แหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการสร้างแบรนด์อีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ชูภาพลักษณ์ในแง่ของความเป็นนมคุณภาพและมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาน เพื่อให้ตอบโจทย์มากที่สุด และต้องยอมรับว่าปัจจุบันแบรนด์ยังเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้น้อยอยู่ซึ่งต้องมีการทำอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายฐานจากเดิม ที่กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทเป็นกลุ่มแม่ที่ซื้อให้ลูกดื่ม

นอกจากนี้ในส่วนของตลาดต่างประเทศหลังจากที่เข้าไปทำตลาดในกัมพูชา,ลาวและเมียนมา แล้วนั้น ล่าสุดมีแผนในการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในประเทศเมียนมา จาก 1 รายเป็น 2 ราย และในกัมพูชา เพิ่มอีก 1 ราย ในปีหน้า เนื่องจากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ยังเตรียมขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน โดยได้เตรียมก่อตั้งสหกรณ์โคมนมไทย-เดนมาร์ค ที่จังหวัดพัทลุงเพื่อใช้เป็นฐานในการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าวในอนาคต

อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมการเติบโตของ อ.ส.ค.ในปีนี้ คาดการณ์ว่าจะเติบโตที่ราว 7% หรือคิดเป็นยอดขาย 8,600 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่มาจากต่างประเทศ 900 ล้านบาท จากกลุ่มนมโรงเรียน 1,100 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตจากกลุ่มนมยูเอชทีอยู่ที่ 12% มากกว่าภาพรวมตลาดที่มีการเติบโต 10% และปัจจุบันไทย-เดนมาร์ค ครองส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มนมยูเอชที 48% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2-3% เป็นผู้นำตลาดในแง่ของโวลุ่ม แต่เป็นรองโฟร์โมสต์ในแง่ของแวลู ขณะที่เป้าหมายการเติบโตในปีหน้า (2560) คาดการณ์ว่าจะเติบโต 7% ใกล้เคียงกับปีนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,194 วันที่ 22 - 24 กันยายน พ.ศ. 2559