‘ประยุทธ์’แถลงผลงาน2ปี ยํ้าเร่งปฏิรูปประเทศสู่ศก.ดิจิตอล

19 ก.ย. 2559 | 02:15 น.
ผ่านไปแล้วกับการแถลงผลงานในรอบ 2 ปีของรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ คสช. เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา

[caption id="attachment_98814" align="aligncenter" width="700"] ดิจิตอลอีโคโนมี ดิจิตอลอีโคโนมี[/caption]

อย่างไรก็ตาม "ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมคำแถลงผลงานของรัฐบาลในรอบ 2 ปี ทั้งของนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เพื่อฉายภาพให้เห็นชัดถึงแผนปฏิบัติมีและความคืบหน้าของโครงการต่างๆ

ย้ำไอซีที ช่วยลดต้นทุน

การแถลงนโยบายในครั้งนี้มีอยู่หัวข้อหนึ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยกมากล่าวถึงในด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมว่า เรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดต้นทุน ยกระดับโลจิสติกส์ของประเทศ กระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคด้วยการสร้างโครงข่ายการคมนาคมทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ ประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้าโขง CLMV (ประเทศ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) บวกประเทศในกลุ่มอาเซียน และทุกภูมิภาคของโลก

หนุนกลุ่มสตาร์ตอัพ

ไม่เพียงเท่านี้ ผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษในทุกภูมิภาค พร้อมทั้งสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่ ทั้ง กลุ่มสตาร์ตอัพ ,กลุ่มอุตสาหกรรมขนาดย่อมและขนาดเล็กหรือ เอสเอ็มอี และ กลุ่มโอท็อป ก็จำเป็นต้องเทคโนโลยี ต้องนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน และสนับสนุนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน

ดันประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิตอล

นอกจากนี้ยังปฏิรูปการเกษตรกรรมโดยใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งวางระบบการบริหารจัดการน้าที่ครอบคลุมทั้งประเทศ แก้ไขกฎหมายเพื่ออานวยความสะดวกต่อการประกอบธุรกิจ (Ease of doing business) และที่สาคัญ คือ การผลักดันประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิตอล

เดินหน้าแผนแม่บทดิจิตอลไทยแลนด์

ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที ซึ่งกำกับดูแล 5 หน่วยงาน และ หนึ่งในนั้นมีกระทรวงไอซีที รวมอยู่ด้วยได้กล่าวถึงผลงานของกระทรวงไอซีที ว่า จากความท้าทายเข้าสู่ ไทยแลนด์ 4.0 ขับเคลื่อนด้วย ดิจิตอล ไทยแลนด์ได้มีการจัดทำแผนแม่บท ผ่าน 6 ยุทธศาสตร์หลัก ขับเคลื่อนแผนพัฒนาดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมให้กับคนไทยทุกคนสามารถเข้าสู่ข่าวสารบริการได้ นำเทคโนโลยีดิจิตอลสร้างความเข้มแข็งทางสังคม รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปฏิรูปภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิตอล พร้อมกับ ยกร่างกฎหมายชุดเศรษฐกิจดิจิตอล 7 ฉบับ และเพิ่มขีดความสามารถด้านการพัฒนารัฐบาลดิจิตอลของประเทศ

 ชี้แถลงผลงานเป็นจังหวะที่ดี

ขณะที่นายสืบศักดิ์ สืบภักดี อาจารย์และนักวิจัย ด้านโทรคมนาคม ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่า การแถลงผลงานของรัฐบาลในรอบ 2 ปี ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีเพราะรัฐบาลได้วางแผนการขับเคลื่อนประเทศเพื่อไปสู่เศรษฐกิจดิจิตอล และ ทุกคนก็ทราบว่าภายในเร็วๆ นี้จะมีกระทรวงดีอี หรือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

เนื่องจากกระทรวงดังกล่าวได้มีการจัดทำแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว คือ การสนับสนุนการวางโครงสร้างเครือข่ายพื้นฐานเพื่อนำอินเตอร์เน็ตเข้าถึงหมู่บ้าน 3 .5 หมื่นหมู่บ้านภายในปี 2560 โดยใช้งบประมาณจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ประชากรเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ทั้งหมด การพัฒนาโครงข่ายไร้สาย รวมไปถึงการพัฒนาอี-เพย์เมนต์ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะโครงข่ายโทรคมนาคม และ โครงข่ายทางด้านการเงินนั้นต้องเชื่อมต่อระหว่างกัน

กระทรวงดีอีรองรับอนาคต

นอกจากนี้ นายสืบศักดิ์ ยังกล่าวแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเรื่องการจัดตั้งกระทรวงดีอี ว่า โดยหลักการเป็นแนวความคิดที่ดี มีการสังคยนาโครงสร้างใหม่ทั้งหมดมีการปรับเปลี่ยนหน่วยงานเพื่อรองรับกับเศรษฐกิจดิจิตอลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และ การจะเป็นดิจิตอลในส่วนของโครงข่ายทางด้านการเงินไม่สามารถแยกออกจากกันได้ และ หน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติมีการย้ายไปอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทยนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนขององค์กรอิสระอย่าง กสทช.(คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) นั้นมาอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงดีอี ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการลดระดับชั้นให้เป็นองค์การมหาชนเทียบเท่ากับ ซิป้า หรือ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ

ทั้งหมดนี้ คือ ผลงานนโยบายของรัฐบาล 2 ปี เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิตอล

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,193 วันที่ 18 - 21 กันยายน พ.ศ. 2559