เด็กธัญบุรี วอน กยศ. ต่อลมหายใจ ในเส้นทางการศึกษา

30 ส.ค. 2559 | 08:14 น.
หนึ่งในประเด็นสำคัญ ที่อาจจะช่วยต่อลมหายใจของนักศึกษาบางกลุ่มที่มีเกรดเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 2.00 ให้ได้ กู้ยืมเงิน กยศ. และได้เรียนต่อบนเส้นทางการศึกษา

หลังจากกรณีที่ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้เสนอให้มีการยกเลิกหลักเกณฑ์ กองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่มีการกำหนดให้ผู้ที่จะกู้ยืมเงิน ทั้งรายเก่าและรายใหม่ ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.00  รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งจะช่วยกระจายโอกาสการศึกษาในระดับอุดมศึกษา และเชื่อว่านักศึกษาที่เข้ามาเรียนมีความตระหนักในเรื่องของผลการเรียน การที่คะแนนเฉลี่ยไม่ถึง 2.00 ไม่ใช่เรียนไม่ได้ การศึกษาในระบบจะมีเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยเป็นข้อบังคับอยู่แล้ว ทำให้นักศึกษาต้องตั้งใจเรียน แต่หากนักศึกษากู้ยืมเงิน กยศ.ไม่ได้ ก็จำเป็นต้องหางานทำเพิ่ม เมื่อนักศึกษาทำงานหนักและเหนื่อยล้าจากการทำงานก็จะส่งผลต่อการเรียนในที่สุด แต่ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยจะต้องทำความเข้าใจกับเด็กและให้เด็กตระหนักในเรื่องการเรียนมากกว่าเดิม

ตัวแทนของนักศึกษา มทร.ธัญบุรี ที่สะท้อนความเห็นต่อหลักเกณฑ์ การกู้ กยศ. ที่มีการพิจารณาเกรดเฉลี่ยสะสม ‘นัท’ - นายปริญญา ยอดชัยภูมิ คณะบริหารธุรกิจ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ชั้นปีที่ 4 ที่ได้เกรดเฉลี่ยสะสม 1.97 จึงหมดสิทธิ์กู้ กยศ. ในชั้นปีสุดท้าย เผยว่า เกณฑ์การกู้ กยศ. ที่ต้องมีเกรดเฉลี่ยสะสมไม่ต่ กว่า 2.00 ไม่น่าจะนำมาพิจารณา โดยส่วนตัวแล้วการเรียนในชั้นปีที่สูงขึ้นนั้น ค่อนข้างยากต้องมีความรับผิดชอบและมีวินัยต่อตนเอง แต่จากการทำงานด้วยเรียนด้วย บางครั้งเราจัดสรรเวลาล่วงหน้าอย่างลงตัว แต่พอถึงสถานการณ์จริงย่อยมี หลายปัจจัยที่ทำให้แผนที่วางไว้ เปลี่ยนไป ดังเช่น ความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ความต่อเนื่องของงานที่คั่งค้างหรือยังไม่เสร็จ จึงทำให้ต้องเบียดเบียนเวลาเรียนไปบ้าง ทำให้ความเข้าใจในเนื้อหาลดน้อยลง ตามเพื่อนไม่ค่อยทัน ส่งผลต่อเกรดเฉลี่ยดังที่ปรากฏ ประกอบกับทางบ้านต้องส่งน้องอีกคนหนึ่งเข้าเรียน จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น ตนจึงต้องหางานทำเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือครอบครัวและดูแลตนเองให้ตลอดรอดฝั่ง จึงอยากขอโอกาสให้กับนักศึกษาทุกชั้นปี โดยเฉพาะชั้นปีสุดท้ายที่กำลังกำลังจะเป็นว่าที่บัณฑิตนี้ ได้มีโอกาสกู้ กยศ. ได้ โดยไม่ต้องนำเกรดเฉลี่ยมาเป็นตัวพิจารณา และเชื่อว่ามีนักศึกษาชั้นปี 4 หลายคนที่หมดสิทธิ์กู้ยืม เพราะเกรดเฉลี่ยไม่ถึงเกณฑ์ ตามที่กำหนด

เช่นเดียวกับ ‘ส้ม’ - นางสาวธนวรรณ  เทพขวัญ คณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน ชั้นปีที่ 2 เล่าว่า ตนเคยกู้ กยศ. ตอนเรียนชั้นปีที่ 1 มาแล้ว แต่พอมาถึงปีที่ 2 ตนก็ไม่สามารถกู้ได้ เพราะมีเกรดเฉลี่ย 1.96 จึงไม่ผ่านหลักเกณฑ์การกู้ยืม หากถามว่าทำไมได้เกรดเฉลี่ยน้อย ก็มีหลายสาเหตุ อาจจะทุ่มเทให้กับการทำกิจกรรมระหว่างที่เรียนมากเกินไป จนทำให้แบ่งเวลาไม่เหมาะสม อีกทั้งตอนเรียนปี 1 ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ สถานที่ใหม่ เพื่อนใหม่ ซึ่งพื้นฐานแต่ละคนก็แตกต่างกันไป รวมถึงพื้นฐานความรู้ที่มีอยู่ เดิม ตนคิดว่าเกรดเฉลี่ยสะสมมี ความสำคัญ เป็นส่วนหนึ่งในการชี้วัดการทำงานในอนาคต แต่อาจจะไม่เหมาะสมที่จะนำมาพิจารณาการกู้ กยศ. เพราะทำให้นักศึกษาต้องรับภาระมากขึ้น ทำงานมากขึ้น ประหยัดอดออมค่าใช้จ่ายมากขึ้น เพื่อจัดเตรียมเงินมาจ่ายค่าเทอม หากหาไม่ได้ก็ต้องพักการเรียน หรือไม่ได้เรียนต่อ

นางสาววันทนีย์ จตุเทน หรือน้องแป้ง นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ภาควิชาเคมี ชั้นปีที่ 2 กล่าวว่า ภาระหนักทางครอบครัวจึงทำให้ ตนนั้นต้องกู้ กยศ. เพื่อเป็นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายทางการศึกษาและค่าครองชีพ แต่ด้วยตนนั้นไม่สามารถกู้ได้ ทางบ้านจึงต้องหยิบยืมจากญาติพี่ น้อง หาแหล่งเงินทุนเพื่อกู้ยืม และหาช่องทางการทำงานเพื่อให้มี เงินพอที่จะจ่ายค่าเทอม ประกอบกับงานพาร์ทไทม์ในปัจจุบันหายาก และต้องใช้เวลาทุ่มเทกับงาน จึงเห็นด้วยกับหลายฝ่ายที่เห็ นตรงกันในการยกเลิกหลักเกณฑ์กู้ กยศ. ด้วยการพิจารณาเกรดขั้นต่ำ 2.00  ต้นทุนชีวิตของแต่ละคนแตกต่าง โอกาสที่จะได้รับก็ต่างกัน จึงต้องการให้รัฐบาลเข้ามาแก้ปั ญหาในเรื่องนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษาเป็นสิ่ งสำคัญ

ขณะที่ นุช - นางสาวนุชฤดี ศรีตังตา นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมพอลิเมอร์ ชั้นปีที่ 4 ที่เกรดเฉลี่ยสะสมต่ำกว่าเกณฑ์ กู้ กยศ. ที่กำหนด เห็นว่า กองทุน กยศ. ถือเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยสนั บสนุนการขยายโอกาสในการเข้าถึ งการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน จึงไม่น่าจะนำหลักเกณฑ์การกู้ เพื่อคัดกรองและกำหนดผู้ที่จะกู้ ยืมเงินต้องมีผลการเรียนเฉลี่ ยสะสมไม่น้อยกว่า 2.00 มาใช้ เพราะเป็นการจำกัดโอกาสในการศึ กษา แม้จะตั้งใจแล้วก็ตาม แต่ศักยภาพการเรียนรู้ของแต่ ละคนไม่เหมือนกัน

นุช ยังกล่าวด้วยว่า “ขณะนี้หางานพิเศษทำในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ และเวลาว่างจากการเรียน เพื่อให้มีเงินมาเป็นค่ าเทอมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ระหว่างศึกษา ขอฝากถึงผู้ใหญ่และผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ อยากให้พิจารณาและหาหลักเกณฑ์ที่ เหมาะสมกว่านี้มาใช้ และเมื่อเรียนจบ มีงานทำ ก็ตั้งใจว่าชำระหนี้ กยศ. เพื่อส่งต่อโอกาสให้กับน้อง ๆ ต่อไป”

เหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งจากเสียงนักศึกษา ที่เคยกู้และหมดสิทธิ์กู้ กยศ. ด้วยข้อจำกัดการพิจารณาเกรดเฉลี่ยสะสม ที่สะท้อนไปถึงผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย อีกด้านหนึ่งก็สะท้อนกลับมาถึงตัวนักศึกษาเองให้ตระหนักในเรื่องการเรียนมากกว่าเดิมด้วย