ตลาดฟิตเนส9พันล้านเดือด หน้าใหม่-เก่าแห่ชิงแชร์/บิ๊กเวอร์จิ้นตุนเงินผุดสาขา

23 ส.ค. 2559 | 13:00 น.
คนไทยใช้บริการฟิตเนสเพียง 0.6% ของประชากรทั้งประเทศ สร้างโอกาสทาการตลาด ส่งผลผู้ประกอบการหน้าใหม่และเก่าเข้าลงทุนขยายธุรกิจต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มทุนต่างชาติรายใหญ่และนักธุรกิจคนไทย หวังชิงแชร์ตลาด 9,000 ล้าน ขณะที่บิ๊กเวอร์จิ้น เตรียมทุน 5,200 ล้านเปิดสาขาเพิ่มครบ 20 แห่ง

ปัจจุบันตลาดฟิตเนสในเมืองไทยมีมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้จะมีอัตราเติบโต 10% จากแนวโน้มพฤติกรรมของคนไทยได้หันมาดูแลสุขภาพ และรูปร่างของตนเองมากยิ่งขึ้น ขณะที่คนไทยใช้บริการฟิตเนสเพียง 0.6% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคนในภูมิภาคเอเชียที่มีคนใช้บริการฟิตเนสถึง 8% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ส่งผลให้ตลาดฟิตเนสยังมีโอกาสสร้างการเติบโตได้อีกจำนวนมาก ที่ผ่านมาจึงเห็นการเข้ามาสู่ธุรกิจฟิตเนสของผู้ประกอบการรายใหม่ ขณะที่ผู้ประกอบการรายเดิมก็ขยายตลาดอย่างต่อเนื่องด้วย

จากการสำรวจของ "ฐานเศรษฐกิจ" ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ประกอบการธุรกิจรายใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มทุนทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กที่เข้ามาทำธุรกิจฟิตเนสมากกว่า 4-5 ราย อาทิ แบรนด์เวอร์จิ้น แอคทีฟ (Vergin Active) จากประเทศอังกฤษ วีฟิตเนส (WE Fitness) จากการลงทุนของนายวิชา พูลวรลักษณ์ เจ้าของธุรกิจโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ หลังจากที่แคลิฟอร์เนีย ว้าวเอ็กซ์พีเรียลได้ปิดกิจการการลง จาโตมิ ฟิตเนส จากประเทศโปแลนด์ เจ็ท ฟิตเนส (Jetts Fitness) ที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ธุรกิจแฟรนไชส์จากประเทศออสเตรเลีย รวมถึงเอ็ม ฟิตเนส (M Fitness) ธุรกิจฟิตเนสของคนไทย นอกจากนี้ ยังมีฟิตเนสที่เป็นผู้ประกอบการซึ่งเปิดในรูปแบบสาขาเดียวไม่ได้มีเครือข่ายสาขา

นางรัชวรรณ จงประสิทธิ์ ผู้บริหารฟิตเนสสตูดิโอ บลิส บอดี้ (Bliss Body) เปิดเผยว่า ได้เปิดให้บริการฟิตเนสสตูดิโอที่เน้นการออกกำลังกายด้านพิลาทิส (Pilates) และฟังก์ชั่นนอล เทรนนิ่ง (Functional Training) แห่งแรกที่ย่านพระราม 4 เนื่องจากเห็นช่องว่างทางการตลาดในพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีฟิตเนสสตูดิโอเปิดให้บริการ ซึ่งอุปกรณ์ที่นำมาให้บริการมีความสมัยและได้คุณภาพมาตรฐานระดับสากล โดยนำเข้าอุปกรณ์ทั้งหมดจากประเทศสหรัฐอเมริกา

ด้านนายแมทธิว บัคนาลล์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้ก่อตั้งเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ผู้ให้บริการสถานออกกำลังกายจากประเทศอังกฤษ กล่าวว่า แผนธุรกิจระยะ 6 ปีจากปัจจุบัน ได้เตรียมเงินลงทุนไว้ 5,200 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาให้ครบ 20 แห่ง จากปัจจุบันมี 3 แห่ง ได้แก่ สาขาเอ็มไพร์ทาวเวอร์ สาขาเอ็มควอเทียร์ และสาขาสยามดิสคัฟเวอร์รี่ โดยช่วงปลายปีนี้จะเปิดอีก 1 แห่งที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ ด้วยขนาดพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร ซึ่งมีพื้นที่ 400 ตารางเมตร เปิดให้บริการฟิตเนสสำหรับเด็กเป็นครั้งแรกของเอเชียอีกด้วย และคาดว่าในปีหน้าจะเปิดให้บริการฟิตเนสสำหรับเด็กอีก 1 แห่ง

นอกจากประเทศไทยที่มีศักยภาพมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ยังวางแผนขยายธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ด้วย เนื่องจากมีศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งตั้งเป้าขยายสาขา 10 แห่ง นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจเข้าไปลงทุนในประเทศจีนด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นตลาดที่น่าสนใจ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและหาพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงทำเลที่มีศักยภาพ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,185 วันที่ 21 - 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559