ครึ่งปีแรกไปรษณีย์ไทย ฟันรายได้ 1.2 หมื่นล้าน พร้อมชูแนวคิด‘เครือข่ายเพื่อชีวิตดิจิทัล’

23 ส.ค. 2559 | 03:00 น.
ไปรษณีย์ไทย ก้าวสู่ปีที่ 14 เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกมีรายได้กว่า 1.2 หมื่นล้านบาท พร้อมชูแนวคิด "เครือข่ายเพื่อชีวิตดิจิทัล" เปิดตัวบริการและนวัตกรรมใหม่ อัพดีกรีธุรกิจยุคออนไลน์

นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท กล่าวถึงผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2559 ว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก ระหว่างเดือนมกราคม - มิถุนายน ไปรษณีย์ไทยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 12,200 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,677 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 ถึง 22.6% โดยการเติบโตส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง สร้างรายได้เป็นอันดับ 1 คือ 42% ขณะที่ธุรกิจบริการไปรษณียภัณฑ์มีสัดส่วนรายได้ 37 % ธุรกิจบริการระหว่างประเทศมีรายได้ 14 % และธุรกิจค้าปลีกและการเงิน 6% และสิ้นปีมีรายได้อยู่ที่ 24,300 ล้านบาท และผลกำไรสุทธิประมาณ 3,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ นางสมร กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนยุทธศาสตร์การดำเนินงานของไปรษณีย์ไทยในระยะ 3 - 5 ปี ว่า ไปรษณีย์ไทยพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการทำงานทุกขั้นตอน ด้วยยุทธศาสตร์ "ไปรษณีย์ไทย...เครือข่ายเพื่อชีวิตดิจิทัล" เพื่อให้บริการไปรษณีย์มีคุณภาพมาตรฐานในระดับสากลมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งรองรับการเติบโตของธุรกิจ e-Commerce และกลุ่ม Start Up ที่ปัจจุบันมีการเติบโตค่อนข้างสูง โดยมุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้นโยบาย "POST Excellence" สร้างคุณภาพมาตรฐานการให้บริการที่เป็นเลิศรอบด้าน ประกอบด้วย P - Product and Service มุ่งเน้นพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ O – Operation ปรับปรุงและยกระดับระบบการปฏิบัติการให้ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง S - Sustainability เดินหน้าพัฒนาองค์กรให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งตั้งเป้าให้ไปรษณีย์ไทยเป็นองค์กรปลอดทุจริต สร้างการเติบโตอย่างสมดุลร่วมกับชุมชน สังคมและประเทศชาติไปพร้อมกัน T - Team Work มุ่งเน้นการทำงานเป็นทีมผ่านการพัฒนาบุคลากรทั่วประเทศให้มีคุณภาพและพร้อมให้บริการที่เป็นเลิศ

พร้อมกันนี้ ยังได้เร่งพัฒนาบริการและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสามารถผลักดันภาคธุรกิจ e-Commerce และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยคาดว่าจะเปิดตัวบริการและนวัตกรรมใหม่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2559 ซึ่งจะสามารถใช้บริการฝากส่งได้สะดวกและง่ายขึ้น อาทิ พร้อมโพสต์ (Prompt Post) แอพพลิเคชันจัดทำระบบฝากส่งสิ่งของล่วงหน้า กล่องพร้อมส่ง กล่องเหมาจ่ายสุดสะดวก Pre Load บริการเตรียมการฝากส่งทางอินเตอร์เน็ตสำหรับกลุ่มธุรกิจ e-Commerce เครื่องเอพีเอ็ม (Automatic Post Machine) ให้บริการรับฝากอัตโนมัติ เซมเดย์โพสต์ (Same Day Post) บริการรับ-ส่งสิ่งของ/ สินค้าด่วนที่มีถึงกันในพื้นที่กรุงเทพฯ ภายในวันเดียว สำหรับกลุ่มลูกค้า e-Commerce เมสเซนเจอร์โพสต์ (Messenger Post) แอพพลิเคชันสำหรับบริการส่งเอกสารหรือสิ่งของเร่งด่วน และรับสินค้าเพื่อฝากส่งเข้าสู่เส้นทางไปรษณีย์ และถ้าต้องการรับสิ่งของแบบเร่งด่วน ก็สามารถใช้บริการ iBox ตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ รับพัสดุสะดวกง่าย เพียงลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ไปรษณีย์ไทย หรือการรับสิ่งของ ณ จุดนำจ่าย (Drop Station) ที่อยู่ใกล้บ้านที่ไปรษณีย์ไทยได้ตกลงเอาไว้ นางสมร กล่าว

สำหรับด้านการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ไปรษณีย์ไทยยังคงดำเนินโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ มีการดำเนินโครงการ "ไปรษณีย์เพิ่มสุข" มุ่งพัฒนาบนความต้องการพื้นฐานของชุมชน โดยเป็นเครือข่ายประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีต่างๆ เพื่อให้ชุมชนสามารถขับเคลื่อนการทำงานด้วยตนเองและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเปิดตัวโครงการข้าวฮางบ้านกุดจิก...กินดีอยู่ดี อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร และในเร็วๆ นี้จะเปิดตัวโครงการชุมชนกลุ่มมีดอรัญญิก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และโครงการสนับสนุนสินค้าโอท็อป จังหวัดพิษณุโลก

อย่างไรก็ตาม ไปรษณีย์ไทย ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการให้รองรับกับความต้องการของคนไทย รวมไปถึงระบบเครือข่ายการขนส่งและมาตรฐานการให้บริการที่เป็นเลิศ ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้ใช้บริการ และผู้ประกอบธุรกิจในทุกภาคส่วน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจไปรษณีย์และการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรในอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,185 วันที่ 21 - 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559