เทรนด์ใหม่แบ่งขายที่ดิน บิ๊กอสังหาฯผนึกพันธมิตรเซ้งยาวพัฒนาโครงการ

16 ส.ค. 2559 | 04:00 น.
ซีบีอาร์อี ชี้เทรนด์ถึงยุคบิ๊กอสังหาฯซินเนอร์ยี แบ่งขายที่ดิน/ให้เช่า-เซ้งระยะยาว เพื่อร่วมพัฒนาโครงการมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เหตุพัฒนาได้รวดเร็วช่วยสร้างความสมบูรณ์ให้โครงการ ล่าสุด ปิยะ อินเตอร์เนชั่นแนล จับมือนายณ์ เอสเตท ผุดโครงการบ้านตากอากาศหรูเขาใหญ่ มูลค่า 5 พันล้านบาท

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ดเอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CBRE เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การแบ่งที่ดินให้กับผู้ประกอบการรายอื่น เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากวิธีการเช่นนี้จะช่วยให้การพัฒนาโครงการบนที่ดินแปลงนั้นๆ มีความรวดเร็วและหลากหลายมากกว่าการพัฒนาโดยบริษัทเดียว

ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์เดียวกัน ซึ่งการร่วมกันในลักษณะนี้จะเห็นได้ในโครงการขนาดใหญ่ เช่น ลากูน่าภูเก็ต ที่เจ้าของที่ดินมีการแบ่งขายที่ดินให้กับโรงแรมระดับ 4-5 ดาว อาทิ โรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต, โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ ลากูน่า ภูเก็ต เพื่อให้เป็นพื้นที่รวมของโรงแรมหรู ส่งผลให้ในปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวมีจำนวนโรงแรมรวม 7 โรงแรม ซึ่งถือเป็นการสร้างความสมบูรณ์ให้กับโครงการ

สำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มมีให้เห็นเพิ่มมากขึ้นในลักษณะของการมิกซ์ยูส ซึ่งผู้ประกอบการที่มีที่ดินขนาดใหญ่และต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวโครงการ แต่ที่ไม่มีความชำนาญในสิ่งที่ต้องการ เช่น ค้าปลีก อาคารสำนักงาน ก็อาจจะแบ่งขายที่ดินหรือให้เช่าเซ้งระยะยาวให้กับนักพัฒนารายอื่น เพื่อช่วยเติมเต็มพื้นที่โครงการให้สมบูรณ์ในระยะเวลาที่รวดเร็ว

"การตัดแบ่งขายที่ดินหรือการให้เช่าเซ้งระยะยาวมีข้อดีกว่าการร่วมทุนกัน ในแง่สามารถพัฒนาโครงการได้เร็วกว่า ขณะที่การร่วมทุนกันจะจัดทำในรูปแบบบริษัทมีการถือหุ้นในสัดส่วนที่เจรจาตกลงกัน หากใครถือหุ้นมากกว่าก็จะมีสิทธิ์ในการตัดสินใจพัฒนาโครงการมากกว่า แต่การแบ่งขายที่ดินผู้ซื้อสามารถพัฒนาโครงการได้เอง แต่ต้องอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์และมาสเตอร์แพลนเดียวกัน ส่งผลให้มีความรวดเร็วในการก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่" นางสาวอลิวัสสา

สอดคล้องกับนายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีที่ดินแปลงอยู่ 2 แปลงคือ ที่ถนนกรุงเทพกรีฑา ประมาณ 600 ไร่ และแปลงที่ถนนแจ้งวัฒนะ ติดที่ดินมหาวิทยาลัยหอการค้า ประมาณ 900 ไร่ ปัจจุบันทั้ง 2 แปลงมีโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานเข้าไป เช่น ถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ การก่อสร้างจะเสร็จในปีหน้า และใกล้กันก็มีมอเตอร์เวย์ และแอร์พอร์ตลิงค์ ส่วนที่แจ้งวัฒนะ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ซึ่งเปิดขายซองในปัจจุบัน สำหรับที่ดิน 2 แปลงนี้บริษัทมีคอนเซ็ปต์ในการพัฒนาไว้แล้ว พร้อมกับเจรจาผู้ประกอบการอสังหาฯชั้นนำอันดับต้นๆไว้ 3 ราย มาร่วมกันพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ดินดังกล่าว เพื่อให้เกิดชุมชนที่มีความหลากหลายครบทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม และหลากหลายระดับราคาทั้งแพงและถูก ส่วนการร่วมกันครั้งนี้จะแบ่งขายที่ดินให้ ไม่ใช่การร่วมทุน ซึ่งจะมีความคล่องตัวมากกว่า ทำให้การพัฒนาเร็วขึ้น ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน คาดจะเปิดตัวได้ปลายปี 2559 หรือไม่ก็ต้นปี 2560

ด้านนางนวลลดา งามธนไพศาล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิยะ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมกับบริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบนที่ดินขนาด 800 ไร่ ของตระกูลภิรมย์ภักดีจากจำนวน 2,500 ไร่ โดยการแบ่งขายที่ดินส่วนหนึ่งจำนวน 40 ไร่ ให้กับบริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้ตอนเซ็ปต์ "บ้านเล็กในป่าใหญ่" มูลค่า 2,000 ล้านบาท ในส่วนของบริษัท ปิยะ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ก็จะพัฒนาโครงการภิรมย์ แอท วินยาร์ด (Pirom at Vineyard) โครงการที่จัดสรรแบ่งขาย และที่ดินพร้อมบ้านพักตากอากาศระดับลักชัวรี บนพื้นที่ 800 ไร่ จำนวน 400 หลัง มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ราคาขายที่ดินเริ่มต้นประมาณ 4 หมื่นล้านบาทต่อตารางวา และบ้านราคาขายอยู่ที่ 10-40 ล้านบาท

"การร่วมมือกับนายณ์ เอสเตท ครั้งนี้เกิดจากการที่ทั้ง 2 บริษัทต่างมีนโยบายและวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจในทิศทางเดียวกัน ประกอบกับรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ทำให้ทราบว่านายณ์มีแผนที่จะลงทุนในต่างจังหวัด และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือดังกล่าว อีกทั้งยังเป็นการเสริมจุดแข็งของกันและกัน ขณะเดียวกันก็ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งการร่วมกันในครั้งนี้จะเสริมสร้างให้พื้นที่นี้ให้เป็นอาณาจักรแห่งการพักอาศัยที่สมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนได้ครอบคลุมทุกกลุ่มอย่างแท้จริง ด้วยสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมตั้งแต่ ที่ดินเปล่า และที่ดินพร้อมบ้านสั่งสร้าง คอนโดมิเนียม วิลล่า ทั้งระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี"

นางอรฤดี ณ ระนอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด กล่าวว่า การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมกับปิยะ อินเตอร์เนชั่นแนล ในครั้งนี้เกิดขึ้น เพราะบริษัทเล็งเห็นศักยภาพของเขาใหญ่ที่เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สำคัญที่อยู่ใกล้กรุงเทพ ฯ และมีความต้องการด้านโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจอย่างยิ่งด้วยปัจจัยอันแข็งแกร่งหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการมอร์เตอร์เวย์สานบางปะอิน-โคราช ที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2563 โครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการร่วมกันสร้างอาณาจักรแห่งการพักอาศัยระดับลักชัวรีที่สมบูรณ์แบบบนพื้นที่ที่สวยงามที่สุดของเขาใหญ่ โดยโครงการตั้งอยู่ตรงข้ามกับพีบี วัลเล่ย์ เขาใหญ่ไวน์เนอรี่ แหล่งผลิตไวน์ครบวงจร และสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของเขาใหญ่

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,183 วันที่ 14 - 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559