ไม่มีเงินเรื่องเล็ก แต่คิดเล็กสิเ รื่องใหญ่

14 ส.ค. 2559 | 03:00 น.
"ปิง-ขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย" เริ่มต้นทำงานด้วยวัย 21 ปีกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) ในตำแหน่งผู้ช่วยเซลส์เงินเดือนเพียงแค่ 9,500 บาท แต่ทำงานได้เพียง 8 เดือนก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นเซลส์หลัก และด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจทำงาน ทำให้เงินเดือนสูงสุดอยู่ที่หลักแสนบาท ในวัยเพียงแค่ 24 ปี ซึ่งก็ถือว่าจะประสบความสำเร็จอย่างมากเมื่อเทียบกับคนในวัยเดียวกัน แต่สิ่งที่ได้มากับต้องแลกกับความกดดันมากมาย จนเจ้าตัวเคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย

กระทั่งได้มาอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง และสะดุดกับวลีหนึ่งที่ว่า "คนจนทำงานเพื่อเงิน" ทำให้คิดต่อไปว่าแล้วคนรวยทำงานเพื่ออะไร ซึ่งคำตอบที่ได้คือ "คนรวยทำงานเพื่อสร้างทรัพย์สินและให้ทรัพย์สินสร้างเงิน" และจุดนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตที่นำมาสู่การเป็นนักลงทุนอสังหาฯและนักพัฒนาอสังหาฯในที่สุด

จุดเริ่มต้นในวงการอสังหาฯ

ขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย ให้สัมภาษณ์กับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า หลังจากที่ได้คำตอบจากหนังสือดังกล่าว ผมก็หาความรู้อย่างจริงจังเกี่ยวกับการสร้างทรัพย์สินจากที่ไม่เคยคิดมาก่อน ซึ่งก็ค้นพบว่าอสังหาฯเป็นการลงทุนอย่างเดียวที่แบงก์เอาเงินให้เรา อย่างอื่นแบงก์ไม่ให้ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ทองคำ กองทุน เนื่องจากอสังหาฯถือเป็นปัจจัย 4 ที่มีความผันผวนต่ำมาก แต่สามารถทำกำไรได้มากและแน่นอน เรียกได้ว่ากำไรตั้งแต่ตอนซื้อ ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนประเภทอื่น
การลงทุนครั้งแรกผมตั้งใจที่จะซื้อคอนโดมิเนียมในศรีราชา ระดับราคาประมาณ 5 ล้านบาท โดยต้องวางมัดจำ 1 แสนบาท ตอนนี้ผมมีเงินสดในบัญชีแค่ 3 หมื่นบาท ที่เหลือก็ไปกดบัตรเงินสดมาเพิ่ม ดอกเบี้ยตอนนี้อยู่ที่ 28% ต่อปี สามารถปล่อยเช่าได้เดือนละ 5 หมื่นบาท แต่ผ่อนแบงก์เดือนละ 3 หมื่นบาท ส่วนต่างที่ได้ก็คือกำไร เหตุผลที่เลือกลงทุนที่ศรีราชาเพราะว่ามีความคุ้นเคยในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากวิ่งเซลส์อยู่ในพื้นที่ เราจึงเลือกพื้นที่ที่เราถนัด

[caption id="attachment_84196" align="aligncenter" width="440"] ปิง-ขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย ปิง-ขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย[/caption]

เปลี่ยนสู่นักพัฒนาอสังหาฯ

โดยในปีแรกผมลงทุนซื้อคอนโดฯทั้งหมด 3 ห้อง และในปีที่ 2 ซื้อเพิ่มอีก 42 ห้อง กระทั่งในปีที่ 3 ผมซื้อมากกว่า 100 ห้อง คุณปิงดำเนินบทบาทของการเป็นนักลงทุนอสังหาฯ 4 ปี ก็ได้มีผันตัวเองสู่การเป็นนักพัฒนาอสังหาฯริมทรัพย์เต็มตัว โดยการจัดตั้งบริษัท บริษัท อัลเทอร์เนทีฟแอสเซท จำกัด ที่เกิดจากการรวมตัวของผู้มีประสบการณ์ในวงการอสังหาริมทรัพย์ 3 คน คือ ดร.วนิดา บดินทร์ภักดีกุล ซึ่งเป็นนักพัฒนาและเจ้าของที่ดินจำนวนมาก ถือหุ้น 50% ที่เหลือถือหุ้นคนละ 25% ทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท

"เมื่อเราลงทุนมาระยะหนึ่ง ก็มีคนรู้จักเรามากขึ้น และทำให้โอกาสวิ่งเข้ามาหาเราเอง การลงทุนของผมมีทั้งพันธมิตรและกู้แบงก์ ผมหาหุ้นส่วนที่มีประสบการณ์ที่มาช่วยเติมเต็ม เช่น หุ้นส่วนคนหนึ่งเก่งในเรื่องของงานก่อสร้าง อีกคนหนึ่งเป็นนักเล่นที่ ผมมองว่า ไม่มีเงินเรื่องเล็ก แต่คิดเล็กสิเรื่องใหญ่ เช่น ได้ที่ดินที่ตรงสามย่านมา ต้องให้เงิน 100 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดิน แต่ถ้าคิดหยุดก็จะจบ ให้คิดต่อว่าจะหาเงินได้จากที่ไหน ซึ่งเชื่อว่ามีแน่นอน ถ้าของคุณสามารถทำเงินได้จริง เชื่อว่ามีคนพร้อมที่จะลงทุนกับคุณแน่นอน"

แต่การที่จะมีคนมาร่วมลงทุนกับคุณหรือไม่นั้น ตัวคุณเองต้องมี 3 ข้อสำคัญคือ 1.ต้องมีผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่คุณคิดจะทำนั้น เมื่อสำเร็จแล้วผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร 2.ต้องสร้างชื่อให้กับตัวเอง คือ ต้องสร้างโพรไฟล์ตัวเองให้ดี 3.ต้องมีความซื่อสัตย์ ผมไม่เคยมีชื่อเสียหายเกี่ยวกับเรื่องเงินเลย ให้ความสำคัญกับเรื่องของพันธมิตรที่สุด ซึ่ง 3 ข้อนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้เราทำงานง่ายขึ้น

ตั้งเป้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 4 ปี

โครงการแรกที่บริษัทพัฒนาคือโครงการอัลติจูด สามย่าน-สีลม คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น จำนวน 97 หน่วย บนที่ดินขนาด 285 ตารางวา ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีสามย่าน 200 เมตร และห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 600 เมตร มีห้องชุด 2 แบบ 1-2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 29-49 ตารางเมตร ราคาเริ่ม 4.3 ล้านบาท หรือเริ่มต้น 1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร ขายแบบฟูลลี่ฟิตเต็ด ให้ชุดครัว, แอร์ และตู้เสื้อผ้า ปัจจุบันมียอดขายประมาณ 80-90%
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2559 ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท และในปี 2560 มีแผนพัฒนา 4-5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2 พันล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 4 ปี ด้วยรายได้ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นพัฒนาคอนโดฯโลว์ไรซ์และทาวน์เฮาส์ในเมืองเป็นหลัก และตั้งใจส่งมอบคุณค่าสูงสุดให้กับคนเมือง ในราคาที่คนซื้อมีความสุข สินค้าที่ออกมาแต่ละโครงการจะต้องมีคอนเซ็ปต์และดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร ภายใต้หัวใจสำคัญในการพัฒนาโครงการ 4 ข้อคือ 1.โลเกชัน ต้องอยู่ในทำเลที่ดีตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และที่สำคัญกว่าโลเกชันคือข้อ 2 ราคาที่เปิดตัว ต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงไม่ถูกหรือแพงเกินไป 3.คอนเซ็ปต์โครงการ ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และ 4.ช่วงเวลาการเปิดตัวสู่ตลาดต้องมีความเหมาะสม ด้วยความที่เป็นผู้บริโภคมาก่อนจึงให้ความสำคัญกับเรื่องของคอนเซ็ปต์มากที่สุด

แม้จะเป็นเพียงแค่คนหนุ่มวัย 30 ปี แต่ด้วยประสบการณ์ในฐานะนักลงทุนอสังหาฯ ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักของใครหลายๆ คน ทำให้ผู้ชายคนนี้กลายที่เป็นจับตาในฐานะคลื่นลูกใหม่ของวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กับแนวคิดการทำงานที่มุ่งเน้นพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคเป็นสำคัญ ซึ่งอาจทำให้ในอนาคตชื่อของ "ขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย" อาจเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศก็เป็นได้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,182 วันที่ 11 - 13 สิงหาคม พ.ศ. 2559