ชิค รีพับบลิคลุยลงทุนสู่AEC ทุ่ม 3 พันล้านผุดสาขาใหม่ต่อเนื่องลั่นปี60 รายได้1.2 พันล.

30 ก.ค. 2559 | 09:00 น.
ชิค รีพับบลิค เดินหน้าลุยตลาดเฟอร์นิเจอร์เต็มสูบ กางแผน 5 ปีทุ่มเงินลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ผุดสาขาใหม่ต่อเนื่อง 1-2 สาขาต่อปีเล็งปั้นแบรนด์สู่สากลหมายตากลุ่มเออีซี เผยภายใน 3 ปี เห็นแบรนด์โกอินเตอร์แน่ พร้อมรุกตลาดออนไลน์ แย้มปลายปีเตรียมเปิดสาขาใหม่ย่านราชพฤกษ์พื้นที่กว่า 12 ไร่ ลั่นปี’60 รายได้แตะ 1.2 พันล้านบาท

นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ในปี 2559 ว่า ตลาดเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยตลาดระดับกลาง-ล่างถือว่าอยู่ในระดับชะลอตัว ในส่วนของตลาดระดับกลาง-บน ถือว่ายังมีกำลังซื้ออยู่มาก เพียงแต่ยังขาดความเชื่อมั่น ลูกค้าเพิ่มความระมัดระวังการใช้จ่าย และพิถีพิถันในการเลือกสินค้ามากขึ้น

ในส่วนของบริษัทถือว่ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 25-30% เนื่องจากเป็นเจ้าเดียวในตลาดที่มีคอนเซ็ปต์ไม่เหมือนกับผู้ประกอบการรายอื่นในตลาดคือ "Home Fashion Store" ให้ลูกค้ารู้สึกว่าเฟอร์นิเจอร์เป็นเรื่องของแฟชั่นที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ที่ผ่านมาบริษัทจึงทำการตลาดผ่านกลุ่มดีไซเนอร์ ซึ่งคนกลุ่มนี้จะถ่ายรูปแบบและดีไซน์ไปยังกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนได้โดยตรง โดยการจัดห้องตัวอย่างให้เห็น เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นภาพจริง จากนั้นจะเกิดความสนใจที่จะซื้อสินค้า

จากแผนการตลาดดังกล่าวทำให้บริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นอาทิ ลาว เวียดนาม พม่า กัมพูชา อินเดีย เป็นต้น ด้วยเหตุบริษัทจึงมีแผนที่จะขยายการลงทุนสู่กลุ่มประเทศอาเซียน โดยประเทศที่มีความเป็นไปได้สูงสุดภายในระยะ 3 ปีนี้คือ ลาวและกัมพูชา ซึ่งลักษณะของการรุกตลาดอาจแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ 1.การหาดีลเลอร์รับสินค้าไปจำหน่าย 2.หาพันธมิตรร่วมธุรกิจ และ3.ลงทุนพัฒนาสาขาเองแบบสแตนด์อะโลน เนื่องจากค่าเช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าสูงกว่าประเทศไทย 2-3 เท่า ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบประประมาณการก่อสร้างต่อสาขาที่ประมาณ 80-100 ล้านบาท ขนาดที่เหมาะสมคือ 80-100 ตารางเมตร ภายใต้รูปแบบ วัน สต็อป เซอร์วิส คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 7 ปี ในการคืนทุน

"กัมพูชาเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อสูงมาก และเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของเรา ส่วนลาวเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง จากการลงทุนก่อสร้างต่างๆ ซึ่งจะนำมาสู่ความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมากในอนาคต จึงมองว่าทั้ง 2 ประเทศเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุน ซึ่งการรุกตลาดต่างประเทศจะทำให้รายได้ของบริษัทในปี 2560 อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท"นายกิจจา กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานภายใน 5 ปี (2560-2564) บริษัทจะเปิดสาขาใหม่เฉลี่ย 1-2 สาขาต่อปี คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนที่ประมาณ 600 ล้านบาทต่อปี พร้อมกับรุกตลาดสื่อออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันมีพฤติกรรมจับจ่ายใช้สอยผ่านออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และเป็นช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงเร่งปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ โดยในเบื้องต้นจะนำสินค้าประเภทของแต่งบ้านลงเว็บไซต์ก่อน จากนั้นจึงจะเป็นประเภทเฟอร์นิเจอร์

ในส่วนของเป้ายอดขายปี 2559 อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2558 ประมาณ 15% ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 850 ล้านบาท ทั้งนี้เชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากยอดการใช้จ่ายของลูกค้าในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ลดลง แต่กลับมียอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จในระดับสูง โดยในหมวดเฟอร์นิเจอร์มียอดอยู่ที่ 3.5 หมื่นบาท ในหมวดสินค้าของแต่งบ้านยอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จอยู่ที่ 3,500 บาท และหมวดเครื่องนอนยอดใช้จ่ายอยู่ที่ 4หมื่นบาทต่อ 1 ใบเสร็จ โดยยอดขายส่วนใหญ่ 75% มาจากการขายลูกค้ารายย่อย ที่เหลืออีก 25% มาจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ แสดงให้เห็นว่าตลาดยังคงมีกำลังซื้อ

สำหรับแผนการลงทุนในช่วงครึ่งหลังปี 2559 บริษัทเตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 1 สาขา ที่ถนนราชพฤกษ์ มูลค่าการลงทุนรวม 500 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 12 ไร่ ขนาดพื้นที่ขายรวม 15,000 ตารางเมตร คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายนนี้ ปัจจุบันบริษัทมี 3 สาขา ได้แก่ สาขาเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา, สาขาบางนา และสาขาพัทยาบนถนนสุขุมวิท พัทยาใต้ (เยื้องบิ๊กซีพัทยาใต้)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,178 วันที่ 28 - 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559