แนวโน้มราคาทองคำวันจันทร์นี้(1 ส.ค.59)
สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง วันที่ 29 กรกฎาคม 2559
สภาวะตลาดวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,329.76-1,343.67 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 22,000 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 150 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 22,150 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.22 น.ของวันที่ 29/07/16)
แนวโน้มวันที่ 1 สิงหาคม 2559
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางการปรับเพิ่มการซื้อกองทุน ETF ขึ้นเล็กน้อย โดยบีโอเจตรึงเป้าหมายฐานเงินไว้ที่ 80 ล้านล้านเยน และตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.1% ที่บีโอเจเรียกเก็บดอกเบี้ยจากทุนสำรองส่วนเกินที่สถาบันการเงินนำมาฝากไว้ที่บีโอเจ เป็นการทำตามแรงกดดันจากรัฐบาลญี่ปุ่นมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนอัตราเงินเฟ้อให้พุ่งขึ้นเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2% นโยบายดังกล่าวสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนที่เคยคาดว่า บีโอเจอาจจะดำเนินมาตรการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่กว่านี้ ส่งผลให้สกุลเงินเยนพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ จนดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินร่วงลง แม้ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำแต่ราคาทองคำขยับขึ้นไปได้ไม่มาก เพราะนักลงทุนปรับตัวรับความเป็นไปได้ที่บีโอเจอาจประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินในระดับที่น่าผิดหวังไปแล้ว เห็นได้จากก่อนทราบผลการประชุมของบีโอเจ ราคาทองคำพุงขึ้นแตะระดับสูงสุด 2 สัปดาห์ และ สกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ครึ่งเทียบดอลลาร์
ทั้งนี้ ในระยะสั้นนักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติของภาคธนาคารยุโรปโดยเฉพาะธนาคารในอิตาลีที่มีสถานะอ่อนแอมากเป็นผลสืบเนื่องมาจากวิกฤติหนี้ยุโรป จนประสิทธิภาพการทำกำไรต่ำและมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ขนาดราว 3.97 แสนล้านดอลลาร์อยู่ในบัญชี โดยหากผลการทดสอบบ่งชี้ถึงความเสี่ยงของภาคธนาคารในระดับสูงก็อาจจะสร้างแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม ทั้งนี้ หากราคาทองคำหากไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,347-1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้จะทำให้ราคาอ่อนตัวลงมา แนะนำอาจเปิดสถานะขาย และปิดสถานะทำกำไรเมื่อราคาย่อตัวลง โดยหากรับความเสี่ยงได้สามารถซื้อเก็งกำไรระยะสั้นพร้อมตั้งจุดตัดขาดทุน
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,328 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,347 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร แต่ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป ในทางตรงกันข้ามหากราคาผ่านไม่ได้อาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง โดยนักลงทุนที่รอซื้อทองคำอาจรอดูการตั้งฐานของราคาโดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,328-1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังคงเน้นการซื้อขายในระยะสั้นจากการแกว่งตัวของราคา
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,328 (21,890บาท) 1,320 (21,750บาท) 1,310 (21,590บาท)
แนวต้าน 1,347 (22,200บาท) 1,358 (22,380บาท) 1,363 (22,470บาท)
ที่มา:บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
กราฟราคาทองคำ
สภาวะตลาดวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,329.76-1,343.67 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 22,000 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 150 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 22,150 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.22 น.ของวันที่ 29/07/16)
แนวโน้มวันที่ 1 สิงหาคม 2559
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางการปรับเพิ่มการซื้อกองทุน ETF ขึ้นเล็กน้อย โดยบีโอเจตรึงเป้าหมายฐานเงินไว้ที่ 80 ล้านล้านเยน และตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.1% ที่บีโอเจเรียกเก็บดอกเบี้ยจากทุนสำรองส่วนเกินที่สถาบันการเงินนำมาฝากไว้ที่บีโอเจ เป็นการทำตามแรงกดดันจากรัฐบาลญี่ปุ่นมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนอัตราเงินเฟ้อให้พุ่งขึ้นเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2% นโยบายดังกล่าวสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนที่เคยคาดว่า บีโอเจอาจจะดำเนินมาตรการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่กว่านี้ ส่งผลให้สกุลเงินเยนพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ จนดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินร่วงลง แม้ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำแต่ราคาทองคำขยับขึ้นไปได้ไม่มาก เพราะนักลงทุนปรับตัวรับความเป็นไปได้ที่บีโอเจอาจประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินในระดับที่น่าผิดหวังไปแล้ว เห็นได้จากก่อนทราบผลการประชุมของบีโอเจ ราคาทองคำพุงขึ้นแตะระดับสูงสุด 2 สัปดาห์ และ สกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ครึ่งเทียบดอลลาร์
ทั้งนี้ ในระยะสั้นนักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติของภาคธนาคารยุโรปโดยเฉพาะธนาคารในอิตาลีที่มีสถานะอ่อนแอมากเป็นผลสืบเนื่องมาจากวิกฤติหนี้ยุโรป จนประสิทธิภาพการทำกำไรต่ำและมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ขนาดราว 3.97 แสนล้านดอลลาร์อยู่ในบัญชี โดยหากผลการทดสอบบ่งชี้ถึงความเสี่ยงของภาคธนาคารในระดับสูงก็อาจจะสร้างแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม ทั้งนี้ หากราคาทองคำหากไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,347-1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้จะทำให้ราคาอ่อนตัวลงมา แนะนำอาจเปิดสถานะขาย และปิดสถานะทำกำไรเมื่อราคาย่อตัวลง โดยหากรับความเสี่ยงได้สามารถซื้อเก็งกำไรระยะสั้นพร้อมตั้งจุดตัดขาดทุน
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,328 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,347 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร แต่ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป ในทางตรงกันข้ามหากราคาผ่านไม่ได้อาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง โดยนักลงทุนที่รอซื้อทองคำอาจรอดูการตั้งฐานของราคาโดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,328-1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังคงเน้นการซื้อขายในระยะสั้นจากการแกว่งตัวของราคา
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,328 (21,890บาท) 1,320 (21,750บาท) 1,310 (21,590บาท)
แนวต้าน 1,347 (22,200บาท) 1,358 (22,380บาท) 1,363 (22,470บาท)
ที่มา:บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
กราฟราคาทองคำ
