แนวโน้มราคาทองคำวันพรุ่งนี้(29 ก.ค.59)
สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง วันที่ 28 กรกฎาคม 2559
สภาวะตลาดวันที่ 28 กรกฎาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,335.98-1,343.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 22,150 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 250 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,900 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.59 น.ของวันที่ 28/07/16)
แนวโน้มวันที่ 29 กรกฎาคม 2559
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยผลการประชุมประจำวันที่ 26-27 กรกฎาคม โดยมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 0.25-0.50% ตามคาด บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในอัตราปานกลาง และการจ้างงานพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ เฟดได้ลดความกังวลที่มีต่อเหตุร้ายแรงอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและสิ่งนี้บ่งชี้ว่า เฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน แต่ถ้อยแถลงดังกล่าวไม่มากพอที่จะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดว่ามีโอกาสราว 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคม และมีโอกาสราว 20% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดยโอกาส 20% นี้ ซึ่งปรับลดลงเล็กน้อยจากที่เคยคาดไว้
ขณะที่การประชุม FOMC จะจัดการประชุมในวันที่ 1-2 พฤศจิกายนด้วยเช่นกัน แต่นักลงทุนคาดว่าเฟดไม่มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤศจิกายน เพราะสหรัฐกำลังจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งทองคำปรับตัวขึ้นอีกครั้งหลังจาก ดอลลาร์ร่วงลง เมื่อเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในประเทศได้รับแรงกดดันเมื่อค่าเงินบาทต่อดอลลาร์แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 เดือน โดยแนวโน้มเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้ามาในไทยได้ต่อเนื่อง เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซน 1,328 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งต้องรอดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำว่าจะสามารถยืนในบริเวณ 1,347 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งหรือไม่ หากสามารถยืนได้ประเมินว่าราคาทองคำจะขยับขึ้นชนแนวต้านในโซน 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,328 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งนักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวของราคาทองคำ
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,347 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง สำหรับการทำกำไร ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนให้เน้นไปที่การเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,328 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,328 (21,910บาท) 1,320 (21,780บาท) 1,310 (21,610บาท)
แนวต้าน 1,347 (22,230บาท) 1,358 (22,410บาท) 1,363 (22,490บาท)
ที่มา:บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
กราฟราคาทองคำ
สภาวะตลาดวันที่ 28 กรกฎาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,335.98-1,343.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 22,150 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 250 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,900 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.59 น.ของวันที่ 28/07/16)
แนวโน้มวันที่ 29 กรกฎาคม 2559
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยผลการประชุมประจำวันที่ 26-27 กรกฎาคม โดยมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 0.25-0.50% ตามคาด บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในอัตราปานกลาง และการจ้างงานพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ เฟดได้ลดความกังวลที่มีต่อเหตุร้ายแรงอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและสิ่งนี้บ่งชี้ว่า เฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน แต่ถ้อยแถลงดังกล่าวไม่มากพอที่จะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดว่ามีโอกาสราว 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคม และมีโอกาสราว 20% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดยโอกาส 20% นี้ ซึ่งปรับลดลงเล็กน้อยจากที่เคยคาดไว้
ขณะที่การประชุม FOMC จะจัดการประชุมในวันที่ 1-2 พฤศจิกายนด้วยเช่นกัน แต่นักลงทุนคาดว่าเฟดไม่มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤศจิกายน เพราะสหรัฐกำลังจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งทองคำปรับตัวขึ้นอีกครั้งหลังจาก ดอลลาร์ร่วงลง เมื่อเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในประเทศได้รับแรงกดดันเมื่อค่าเงินบาทต่อดอลลาร์แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 เดือน โดยแนวโน้มเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้ามาในไทยได้ต่อเนื่อง เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซน 1,328 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งต้องรอดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำว่าจะสามารถยืนในบริเวณ 1,347 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งหรือไม่ หากสามารถยืนได้ประเมินว่าราคาทองคำจะขยับขึ้นชนแนวต้านในโซน 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,328 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งนักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวของราคาทองคำ
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,347 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง สำหรับการทำกำไร ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนให้เน้นไปที่การเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,328 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,328 (21,910บาท) 1,320 (21,780บาท) 1,310 (21,610บาท)
แนวต้าน 1,347 (22,230บาท) 1,358 (22,410บาท) 1,363 (22,490บาท)
ที่มา:บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
กราฟราคาทองคำ
