3 พฤติกรรมเสี่ยงทำค่าไฟพุ่ง

27 ก.ค. 2559 | 05:50 น.
ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคือง หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ สินค้าราคาแพง แต่ค่าแรงยังเท่าเดิม หลายคนเริ่มหันมารัดเข็มขัด หาสารพัดวิธีประหยัดเงินในกระเป๋า ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และหนีไม่พ้นที่จะต้องหาวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมในการประหยัดไฟจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น หลอดไฟ ตู้เย็น ทีวี เครื่องซักผ้า แอร์ พัดลม ฯลฯ ซึ่งหากเราหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสม เชื่อว่าจะช่วยประหยัดค่าไฟไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เรามาดูกันว่าพฤติกรรมการประหยัดไฟของเรา เดินมาถูกทางหรือยัง

กฤษดา ธีรวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมก้าแฟน (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานลม กล่าวว่า การประหยัดไฟสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้และการเลือกใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ควรจะใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กัน จึงจะทำให้ประหยัดไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรามาดูกันว่ามีพฤติกรรมอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุให้เราต้องจ่ายค่าไฟแพงโดยไม่จำเป็น

1.กดปุ่ม Stand by เข้าสู่โหมดกินไฟ

หนึ่งในพฤติกรรมที่ทำให้เราต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว คือ กดปุ่ม Power บนรีโมทเพื่อปิดโทรทัศน์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ อาทิ เครื่องฟอกอากาศ แอร์ เครื่องเล่น DVD หรืออื่นๆ วิธีนี้ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องสำหรับการปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า เนื่องจากอุปกรณ์ไฟฟ้าจะเข้าสู่โหมด Stand by เท่านั้น เครื่องไม่ได้ปิด และกินไฟฟ้าประมาณ 13-15 บาทต่อเดือนโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ แล้ว อย่าลืมปิดเครื่องให้เรียลบ้อยและถอดปลั๊กออกทุกครั้งจะดีที่สุด

2.เปิดตู้เย็นบ่อย ค่าไฟพุ่ง

เชื่อหรือไม่ว่า คนเราเปิดตู้เย็นเฉลี่ยวันละ 22 ครั้ง ทำให้ใน 1 ปี เราจะเปิดตู้เย็นเฉลี่ยมากกว่า 8,000 ครั้งเลยทีเดียว ดังนั้นหากต้องการประหยัดค่าไฟ เราต้องเปิดเมื่อจำเป็นเท่านั้น เพราะค่าไฟจะเพิ่มตามจำนวนการเปิดตู้เย็น นอกจากนี้ เราควรตั้งตู้เย็นให้ห่างจากผนังด้านหลัง และด้านข้างอย่างน้อย 15 ซม. เพื่อให้ตู้เย็นระบายความร้อนได้สะดวก ทำให้เครื่องไม่ต้องทำงานหนัก หากมีตู้เย็นขนาด 5.3 คิว ถ้าทำตามวิธีดังกล่าวแล้ว จะประหยัดค่าไฟฟ้าได้ราว 600 บาทต่อปีเลยเดียว

3.เปิดแอร์ 25 องศา อย่านึกว่าประหยัดไฟ

เพราะการเปิดแอร์ให้ได้อุณหภูมิ 25 องศานั้นทุกองศาที่เราปรับลดลงจะยิ่งกินไฟ เพราะแอร์ต้องทำงานหนักมากขึ้น หากเปิดเครื่องปรับอากาศในห้องนอนเล็กๆ ทั่วไปต่อเนื่องกัน 10 ชม.ต่อวัน จะต้องเสียค่าไฟประมาณปีละ 15,851 บาทต่อปี แต่ถ้าหากปรับอุณหภูมิแอร์ให้สูงขึ้นประมาณ 27-28 องศา และเปิดพัดลมควบคู่ไปด้วยตลอดเวลาจะทำให้ค่าไฟลดลงถึง 30% เลยทีเดียว เพราะพัดลมจะช่วยกระจายความเย็นให้คลุมพื้นที่ได้เร็วขึ้น ทำให้คอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง และยังช่วยรักษาความเย็นให้คงอยู่ได้นาน แม้ว่าจะปิดเครื่องปรับอากาศไปแล้วก็ตาม

นอกจากการประหยัดไฟโดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ไฟแล้ว การเลือกใช้นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน สำหรับท่านที่มีกิจการส่วนตัว หรือโรงงาน SME ขนาดย่อม ณ ปัจจุบันนี้ พัดลมยักษ์ “เมก้าแฟน” (MEGAFAN) ถือเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ในการระบายความร้อน เพิ่มความเย็น พร้อมประหยัดพลังงานและค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พัดลมยักษ์ดังกล่าวมีขนาดใบพัดเส้นผ่าศูนย์กลางสูงสุดถึง 7.3 เมตร มีหลักการทำงานโดยพัดอากาศร้อนที่สะสมออกด้านข้าง ดึงลมเย็นจากด้านบนเข้ามาแทนที่ ทำให้อากาศไหลเวียนตลอดเวลา ครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 1 ไร่ เวลาไปยืนอยู่ข้างใต้จะรู้สึกเย็นสบายเหมือนลมธรรมชาติพัดผ่านเบาๆ ที่สำคัญกินไฟน้อยเพียง 3-5 บาทต่อชั่วโมง ยิ่งถ้าเปิดควบคู่ไปกับแอร์จะช่วยประหยัดไฟได้มากขึ้นถึง 25 – 30% เพราะพัดลมจะช่วยกระจายความเย็นให้คลุมพื้นที่ได้เร็วขึ้น สำหรับผู้ประกอบการท่านใดที่สนใจติดตามนวัตกรรมพัดลมยักษ์ประหยัดพลังงานสามารถเข้าไปชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.megafanthailand.com