แนวโน้มราคาทองคำวันพรุ่งนี้(27 ก.ค.59)
สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง วันที่ 26 กรกฎาคม 2559
สภาวะตลาดวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,314.00-1,323.46 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 21,900 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,850 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.45 น.ของวันที่ 26/07/16)
แนวโน้มวันที่ 27 กรกฎาคม 2559
นักลงทุนระมัดระวังก่อนการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันอังคารและพุธนี้ ตลาดยังคาดว่าเฟดจะคงนโยบายในสัปดาห์นี้ แต่นักลงทุนกำลังรอสัญญาณบ่งชี้ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา ตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดว่า เฟดแทบไม่มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ แต่เฟดมีโอกาส 56% ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมโดยปรับขึ้นจากโอกาส 48% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในวันศุกร์ ขณะที่ความต้องการทองคำจากผู้ใช้ทองคำอันดับหนึ่งของโลกคือจีนลดลง เมื่อหนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ ซีเคียวริตีส์ นิวส์รายงานโดยอ้างสมาคมทองคำจีนว่า จีนมีการใช้ทองคำรวม 528.52 ตัน ลดลง 7.68% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วในปี 2015 โดยจีนผลิตทองคำได้ 229.102 ตันในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 เพิ่มขึ้น 0.16% จากช่วงเดียวกันของปีที่ แม้ประเด็นดังกล่าวจะกดดันราคาทองคำ แต่ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) รายงานว่า รัสเซีย, คาซัคสถาน และตุรกียังคงเพิ่มการถือครองทองสำรองในเดือนมิถุนายน แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางของกลุ่มประเทศดังกล่าวมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ ทั้งนี้ ในเดือนมิถุนายน รัสเซียได้เพิ่มปริมาณการถือครองทองคำขึ้น 17.3 ตัน สู่ระดับ 1,498.8 ตัน, คาซัคสถานเพิ่มการถือครองทองคำ 3.6 ตัน สู่ระดับ 238.2 ตัน และตุรกีปรับเพิ่มปริมาณการถือครองทองขึ้น 10.3 ตัน สู่ 474.4 ตัน เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสค่อยๆขยับขึ้น ซึ่งหากราคาทองคำสามารถผ่านระดับ 1,328 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ ราคาทองคำจะขยับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญในโซน 1,334 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับแนวรับยังคงอยู่ในโซนเดิมคือ 1,310-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำนักลงทุนสามารถลงทุนระยะสั้นโดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,310 หรือ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรกซึ่งราคาจะปรับตัวลงไปบริเวณแนวรับถัดไป และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,328 หรือ 1,334 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมีแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,310 (21,690บาท) 1,300 (21,530บาท) 1,293 (21,410บาท)
แนวต้าน 1,328 (21,990บาท) 1,334 (22,090บาท) 1,343 (22,240บาท)
ที่มา:บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
กราฟราคาทองคำ
สภาวะตลาดวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,314.00-1,323.46 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 21,900 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,850 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.45 น.ของวันที่ 26/07/16)
แนวโน้มวันที่ 27 กรกฎาคม 2559
นักลงทุนระมัดระวังก่อนการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันอังคารและพุธนี้ ตลาดยังคาดว่าเฟดจะคงนโยบายในสัปดาห์นี้ แต่นักลงทุนกำลังรอสัญญาณบ่งชี้ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา ตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดว่า เฟดแทบไม่มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ แต่เฟดมีโอกาส 56% ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมโดยปรับขึ้นจากโอกาส 48% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในวันศุกร์ ขณะที่ความต้องการทองคำจากผู้ใช้ทองคำอันดับหนึ่งของโลกคือจีนลดลง เมื่อหนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ ซีเคียวริตีส์ นิวส์รายงานโดยอ้างสมาคมทองคำจีนว่า จีนมีการใช้ทองคำรวม 528.52 ตัน ลดลง 7.68% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วในปี 2015 โดยจีนผลิตทองคำได้ 229.102 ตันในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 เพิ่มขึ้น 0.16% จากช่วงเดียวกันของปีที่ แม้ประเด็นดังกล่าวจะกดดันราคาทองคำ แต่ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) รายงานว่า รัสเซีย, คาซัคสถาน และตุรกียังคงเพิ่มการถือครองทองสำรองในเดือนมิถุนายน แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางของกลุ่มประเทศดังกล่าวมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ ทั้งนี้ ในเดือนมิถุนายน รัสเซียได้เพิ่มปริมาณการถือครองทองคำขึ้น 17.3 ตัน สู่ระดับ 1,498.8 ตัน, คาซัคสถานเพิ่มการถือครองทองคำ 3.6 ตัน สู่ระดับ 238.2 ตัน และตุรกีปรับเพิ่มปริมาณการถือครองทองขึ้น 10.3 ตัน สู่ 474.4 ตัน เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสค่อยๆขยับขึ้น ซึ่งหากราคาทองคำสามารถผ่านระดับ 1,328 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ ราคาทองคำจะขยับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญในโซน 1,334 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับแนวรับยังคงอยู่ในโซนเดิมคือ 1,310-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำนักลงทุนสามารถลงทุนระยะสั้นโดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,310 หรือ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรกซึ่งราคาจะปรับตัวลงไปบริเวณแนวรับถัดไป และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,328 หรือ 1,334 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมีแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,310 (21,690บาท) 1,300 (21,530บาท) 1,293 (21,410บาท)
แนวต้าน 1,328 (21,990บาท) 1,334 (22,090บาท) 1,343 (22,240บาท)
ที่มา:บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
กราฟราคาทองคำ
