แนวโน้มราคาทองคำวันพรุ่งนี้(26 ก.ค.59)
สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง วันที่ 25 กรกฎาคม 2559
สภาวะตลาดวันที่ 25 กรกฎาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,314.16-1,323.72 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 21,850 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,950 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.22 น.ของวันที่ 25/07/16)
แนวโน้มวันที่ 26 กรกฎาคม 2559
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนหลังพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม เมื่อข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้เพิ่มแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งราคาทองคำปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนระมัดระวังในการสะสมทองคำเพิ่มก่อนการประชุมเฟด และ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในสัปดาห์นี้ เห็นได้จากอุปสงค์ทองคำของผู้บริโภคในอินเดียยังคงอยู่ในภาวะเฉื่อยชา ดีลเลอร์ในอินเดียเสนอขายทองคำในสัปดาห์ที่แล้วโดยให้ส่วนลด 40 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อเทียบกับราคาทองคำสปอตในตลาดโลก อย่างไรก็ตามคาดกันว่าอุปสงค์ทองคำจะได้รับแรงหนุน ในขณะที่ฤดูเทศกาลในอินเดียกำลังจะเริ่มต้นในเดือนสิงหาคม ทางด้านอุปสงค์ทองคำในตลาดจีนยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยราคาทองคำในจีนอยู่ที่ระดับเท่ากับราคาทองคำในตลาดสปอตของโลกในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่อยู่สูงกว่าราคาในตลาดโลกราว 1 ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้ อินเดียถือเป็นประเทศผู้ใช้ทองคำรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากจีน ขณะที่ทองคำในฐานะสินทรัพย์ถูกลดความน่าสนใจลง เมื่อมีการบรรลุข้อตกลงที่จะทำงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโลก และแบ่งปันผลประโยชน์จากการค้าให้ดีขึ้นเพื่อป้องกันผลกระทบของ Brexit จากผู้กำหนดนโยบายจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ และสหภาพยุโรป (จี-20) ที่จีนในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามความวิตกเกี่ยวกับประเด็น Brexit ยังคงอยู่และสร้างแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำ ระยะสั้นราคาอาจเคลื่อนไหวในกรอบซึ่งจะเป็นโอกาสเข้าซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หากราคาทองคำไม่สามารถทะลุผ่านกรอบบน อาจเห็นการย่อตัวของราคากลับลงมา ทั้งนี้หลายครั้งที่ราคาทองคำอ่อนตัวลงก็มีแรงซื้อกลับเข้ามา
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,334 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง สำหรับการทำกำไรให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อเพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไปบริเวณ 1,343 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,310 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,310 (21,720บาท) 1,300 (21,550บาท) 1,293 (21,440บาท)
แนวต้าน 1,334 (22,120บาท) 1,343 (22,270บาท) 1,354 (22,450บาท)
ที่มา:บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
กราฟราคาทองคำ
สภาวะตลาดวันที่ 25 กรกฎาคม 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,314.16-1,323.72 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 21,850 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 21,950 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.22 น.ของวันที่ 25/07/16)
แนวโน้มวันที่ 26 กรกฎาคม 2559
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนหลังพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม เมื่อข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้เพิ่มแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งราคาทองคำปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนระมัดระวังในการสะสมทองคำเพิ่มก่อนการประชุมเฟด และ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในสัปดาห์นี้ เห็นได้จากอุปสงค์ทองคำของผู้บริโภคในอินเดียยังคงอยู่ในภาวะเฉื่อยชา ดีลเลอร์ในอินเดียเสนอขายทองคำในสัปดาห์ที่แล้วโดยให้ส่วนลด 40 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อเทียบกับราคาทองคำสปอตในตลาดโลก อย่างไรก็ตามคาดกันว่าอุปสงค์ทองคำจะได้รับแรงหนุน ในขณะที่ฤดูเทศกาลในอินเดียกำลังจะเริ่มต้นในเดือนสิงหาคม ทางด้านอุปสงค์ทองคำในตลาดจีนยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยราคาทองคำในจีนอยู่ที่ระดับเท่ากับราคาทองคำในตลาดสปอตของโลกในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่อยู่สูงกว่าราคาในตลาดโลกราว 1 ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้ อินเดียถือเป็นประเทศผู้ใช้ทองคำรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากจีน ขณะที่ทองคำในฐานะสินทรัพย์ถูกลดความน่าสนใจลง เมื่อมีการบรรลุข้อตกลงที่จะทำงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโลก และแบ่งปันผลประโยชน์จากการค้าให้ดีขึ้นเพื่อป้องกันผลกระทบของ Brexit จากผู้กำหนดนโยบายจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ และสหภาพยุโรป (จี-20) ที่จีนในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามความวิตกเกี่ยวกับประเด็น Brexit ยังคงอยู่และสร้างแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำ ระยะสั้นราคาอาจเคลื่อนไหวในกรอบซึ่งจะเป็นโอกาสเข้าซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หากราคาทองคำไม่สามารถทะลุผ่านกรอบบน อาจเห็นการย่อตัวของราคากลับลงมา ทั้งนี้หลายครั้งที่ราคาทองคำอ่อนตัวลงก็มีแรงซื้อกลับเข้ามา
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,334 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง สำหรับการทำกำไรให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อเพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไปบริเวณ 1,343 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,310 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,310 (21,720บาท) 1,300 (21,550บาท) 1,293 (21,440บาท)
แนวต้าน 1,334 (22,120บาท) 1,343 (22,270บาท) 1,354 (22,450บาท)
ที่มา:บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
กราฟราคาทองคำ
