กระทรวงแรงงานเปิดโครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประกันสังคมอาเซียน

25 ก.ค. 2559 | 09:55 น.
หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมโครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประกันสังคมอาเซียน : ASSA หลักสูตรการฟื้นฟูสมรรถภาพแบบครบวงจร Comprehensive Rehabilitation for Workers with Physical Disabilities  ณ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน จังหวัดปทุมธานี ว่า  การจัดฝึกอบรมครั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกในกลุ่มประเทศอาเซียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระบบประกันสังคม และการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานแก่ลูกจ้างที่ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานและผู้ประกันตนทุพพลภาพให้สามารถประยุกต์ใช้เทคนิค วิธีการ ความรู้ต่างๆ ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็น มีการพัฒนางาน และบรรทัดฐานร่วมกันในการพึ่งพาซึ่งกันและกันในระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประกันสังคมอาเซียน

ที่สำคัญคือการก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนโดยสมบูรณ์ในปีนี้ ระบบประกันสังคมไทยจะมีส่วนสำคัญในการวางรากฐานระบบประกันสังคมอาเซียน อีกทั้งศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน จังหวัดปทุมธานี มีประสบการณ์งานโดยเฉพาะการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานแก่ลูกจ้างที่ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานและผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพมาเป็นระยะเวลากว่า 31 ปี จึงเชื่อมั่นว่าโครงการฝึกอบรมในครั้งนี้จะประสบผลสัมฤทธิ์สูงสุดต่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่จะได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ของการฝึกอบรม”

ทั้งนี้ โครงการฝึกอบรมโครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประกันสังคมอาเซียน : ASSA มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน เรียนรู้ระบบประกันสังคม และการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพแก่คนงานที่ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงาน ให้สามารถประยุกต์ใช้เทคนิค วิธีการ ความรู้ต่างๆ ในการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์และความคิดเห็น พร้อมส่งเสริมความร่วมมือที่เอื้ออำนวยต่อการนำไปสู่การขยายความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม กระบวนทัศน์การทำงาน ตลอดจนการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ และเพื่อให้บุคลากรมีการพัฒนางาน และบรรทัดฐานร่วมกันในการพึ่งพาซึ่งกันและกัน ในระหว่างประเทศสมาชิกประกันสังคมอาเซียน โดยมีผู้เข้าอบรมซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา ประเทศมาเลเซีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และบรูไนดารุสซาลาม รวมทั้งสิ้นจำนวน 8 คน