ถ้านึกถึงเว็บไซต์ขายของมือสอง "Kaidee.com" ติดอันดับอยู่ในลำดับต้น ๆ เนื่องจากเป็นเว็บไซต์ที่มีคนมาฝากซื้อของเฉลี่ยทุก 17 วินาทีเลยทีเดียว
ผู้บุกเบิก Kaidee.com คือ"ทิวา ยอร์ค" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร/เฮดโค้ช Kaidee เมื่อพลิกปูมของ เขา เริ่มต้นการทำงานตั้งแต่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยโดยการเป็นวิศวกรโครงข่าย (Network Engineer) ในปี 2538 และในปีต่อมา ก็ย้ายไปร่วมงานกับสตาร์อัพที่รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกาหลังจากได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมทีมเพื่อสร้างบริษัทนี้ ที่นี่ทิวารับหน้าที่เป็นวิศวกรโครงข่ายและสนับสนุนดูแลในส่วนของฐานข้อมูลของระบบ (Network / Database support Engineer) จากนั้นในปี 2541 เขาก็ได้เปลี่ยนหน้าที่ความรับผิดชอบไปดูแลในส่วน Technical Product Management
ในปี 2543 สตาร์ตอัพแห่งนี้ไดถูกบริษัทยักษ์ใหญ่ซื้อไป เขาจึงตัดสินใจลาออกเพื่อทำตามความฝันของตัวเองที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกและหาประสบการณ์ให้กับชีวิต แต่เมื่อเดินทางถึงเมืองไทย"ทิวา"ก็ตัดสินใจอยู่ที่นี่โดยที่ เขา สอนภาษาอังกฤษเป็นงานพาร์ตไทม์เป็นเวลา 3 ปี
จนกระทั่งปี 2546 "ทิวา"ได้กลับมาทำงานเต็มตัวอีกครั้งที่ Impaq Interactive (หรือที่รู้จักกันในนาม DMS Group) บริษัทสตาร์ตอัพในยุคแรกๆ ในเมืองไทยซึ่งที่นี่"ทิวา"เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและบริหารเว็บพอร์ทัลชื่อดังในยุคนั้น MSN Thailand และดูแลหนึ่งในดิจิตอลเอเจนซี่แห่งแรกของเมืองไทย New Media และยังร่วมสร้างธุรกิจ Admax Network อันเป็นธุรกิจเกี่ยวกับเครือข่ายโฆษณาดิจิตอลแห่งแรกๆ ของเมืองไทย ภายใน 7 ปีที่"ทิวาทำงานที่นี่ เขาดำรงตำแหน่งบริหารในหลายๆ ตำแหน่งและดูแลงานในหลายส่วนทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในปี 2553 "ทิวาWลาออกจาก DMS Group เพื่อมองหาความท้าทายใหม่ๆ โดยเขาเข้ามารับตำแหน่ง Platforms Director ที่ Omnicom Media Group เพื่อสร้างทีมดิจิตอลทีมแรกของเอเจนซี่นี้ในเมืองไทย หลังจากที่สร้างทีมดิจิตอลเสร็จสิ้นแล้ว ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2554 "ทิวา"ได้รับการทาบทามจากผู้ถือหุ้นในขณะนั้นเพื่อมาดูแลธุรกิจและสร้างทีมคนไทยเพื่อแพลตฟอร์มแหล่งซื้อ-ขายของมือสองออนไลน์สำหรับคนไทยที่ปัจจุบันกลายเป็นตลาดออนไลน์สำหรับซื้อ-ขายของมือสองที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยที่ชื่อว่า Kaidee (ขายดี)
"ทิวา" บอกว่า ปัจจุบันนี้ ขายดี ได้เปิดให้บริการมาแล้วเกือบ 5 ปีแล้ว พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง มีการเปลี่ยนชื่อจนกลายมาเป็น Kaidee ในปัจจุบันนี้ และ ทุกวันนี้มีผู้เข้าใช้งานกว่า 650,000 คน/วัน เพจวิวกว่า 40 ล้าน เพจวิว/วัน มีรายการประกาศเข้ามาใหม่ประมาณ 40,000 รายการ/วัน และล่าสุดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จากสถิติที่เราเก็บได้พบว่า ทุกๆ 17 วินาที มีสินค้า 1 รายการขายได้ที่นี่
"ทิวา" เล่าต่ออีกว่า สิ่งที่เป็นความท้าทายของมาตลอด คือ การปลุกกระแสให้คนไทยหันมาปล่อยหรือส่งต่อของที่ไม่ได้ใช้ให้กับคนอื่น เพราะบ้านเราไม่ได้มีวัฒนธรรมแบบนี้ ส่วนมากของที่ไม่ได้ใช้ก็จะเก็บเอาไว้ ปล่อยให้ผุพัง มองข้ามคุณค่าของของสิ่งนั้นไป จนเมื่อผุพังก็ใช้ไม่ได้ แทนที่จะนำมาปล่อยให้คนอื่นนำไปใช้ให้เกิดคุณค่าต่อ เรามองว่าเรายังต้องปลุกกระแสตรงนี้อีกมาก
ขณะที่จุดแข็ง ของ บริษัทฯ คือ การสร้างแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ ดังนั้นฟีเจอร์หรือบริการต่างๆ ที่เรานำเสนอนั้น เราจะออกไปถามความต้องการหรือความคิดเห็นของผู้ใช้งานก่อนที่จะเปิดให้ใช้บริการได้จริง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน และในแต่ละวันเราก็มีการพัฒนาเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
ไม่เพียงเท่านี้ยังมุ่งหวังสร้าง Kaidee ให้ใช้ได้ง่ายที่สุด เพราะการที่มีคนเข้ามาประกาศขายของ จำนวนของก็จะมากขึ้น ตอนนี้เราเป็นตลาดซื้อ-ขายของมือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด มีผู้ขายผู้ซื้อเข้ามาใช้บริการมากที่สุด
"เรามุ่งที่ของมือสอง ให้คนไทยนำของที่ไม่ได้ใช้มาปล่อยที่เราเพื่อส่งต่อให้กับผู้ที่ต้องการ ซึ่งของที่ท่านไม่ได้ใช้ยังเป็นที่ต้องการของคนอื่นอยู่ ทั้งนี้ เพราะ Kaidee เชื่อว่า "การซื้อ-ขายของมือสองช่วยให้ชีวิตคนไทยดีขึ้น"
ส่วนหลักการบริหารจัดการนั้น "ทิวา" บอกต่ออีกว่า ผมเชื่อในเรื่องการสร้างทีม เพราะการที่คุณมีทีมงานที่ดีนั้นจะทำให้คุณชนะในเกมการแข่งขันธุรกิจนี้ ผมเป็นเพียงแค่โค้ชที่อยู่ข้างสนามและให้คำแนะนำเพื่อให้เกมนี้เราเป็นฝ่ายชนะ เมื่อคุณมีทีมที่ดีแล้ว คุณก็จะมีผลิตภัณฑ์ ในที่นี้คือแพลตฟอร์ม Kaidee ที่ดี หลังจากคนก็จะเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดรายได้ก็จะเข้ามา
สุดท้าย "ทิวา" บอกว่า เป้าหมายของ Kaidee คือ หากว่าคนไทยทุกคนนำของที่ไม่ได้ใช้มาประกาศขายบน Kaidee คนละ 1 ชิ้น เพื่อให้ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วของที่คุณไม่ได้ใช้และปล่อยให้ผุพังอยู่ในห้องเก็บของนั้นสามารถนำไปส่งต่อและสร้างความสุขให้กับคนอื่นๆ ได้
และทั้งหมดคือ สไตล์บริหารงานของ "ทิวา ยอร์ค"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,176 วันที่ 21 - 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559