สสส.-สคล.จัดกิจกรรมชวนคนไทย “งดเหล้าครบพรรษา พักตับทั่วไทย”

13 ก.ค. 2559 | 07:48 น.
วันนี้(13กรกฎาคม59) ที่โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) จัดกิจกรรมเชิญชวนคนไทยร่วมงดเหล้าเข้าพรรษา ภายใต้แนวคิด“งดเหล้าครบพรรษา  พักตับทั่วไทย”

ดร.นพ. บัณฑิต ศรไพศาล  ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า สสส.ร่วมกับเครือข่ายฯรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรรษามาอย่างต่อเนื่อง จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา(ศวส.) ต่องานรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาปีที่ผ่านมา ในกลุ่มอายุ15ปี ขึ้นไป จาก25จังหวัดทั่วประเทศ พบว่า ประชากร14.88ล้านคน คิดเป็น70.9% งดและลดดื่มสุราในช่วงเข้าพรรษา ในจำนวนนี้ 6.78 ล้านคน คิดเป็น 32.3%งดดื่มได้ตลอดพรรษา8.10ล้านคน คิดเป็น38.6%ลดหรืองดได้เป็นช่วงๆขณะที่385 ชุมชนทั่วประเทศพร้อมใจจัดกิจกรรมรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ส่งผลให้สุขภาพกาย สุขภาพจิตดีขึ้น ประเทศชาติประหยัดเงินได้มากถึง6.4หมื่นล้านบาท

“อยากเชิญชวนให้ผู้นำชุมชน องค์กรต่างๆ สร้างมาตรการชวนคนที่ดื่มหันมาตั้งใจและพยายามงดเหล้าให้ครบพรรษา ชวนให้มาพักตับ 3 เดือน ซึ่งจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรม นอกจากนี้เครือข่ายฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรมช่วงเข้าพรรษาอย่างต่อเนื่อง เช่น กิจกรรมชวนแรงงานชวนพักตับ  กิจกรรมกับเด็กและเยาชน การประกวด สุนทรพจน์ ชวนงดเหล้าในระดับมัธยมศึกษาต้น โดยให้ตีโจทย์จากคำขวัญในวันงดดื่มสุราแห่งชาติของนายกรัฐมนตรี “ครอบครัว เยาวชน คนรุ่นใหม่ ห่างไกลสุรา พาชาติเจริญ”ซึ่งผู้เข้าประกวดต้องอธิบายความหมายของคำขวัญว่าทำไมต้องห่างไกลจากสุรา  และยังมีกิจกรรมรณรงค์อีกมากมายที่จะเกิดขึ้นในทุกจังหวัด”ดร.นพ.บัณฑิต กล่าว

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมสังคมโรงพยาบาลน่าน จังหวัดน่าน กล่าวว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสารเคมีที่เป็นพิษต่อตับ ส่วนตับมีหน้าที่เหมือนโรงงานกำจัดขยะ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมากๆ จะทำให้ตับทำงานหนัก ประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อยๆ และเมื่อเกิดโรคขึ้นมา นั่นแสดงว่า ตับทำงานหนัก และสูญเสียการทำงานไปแล้ว ซึ่งบางคนเมื่อไปตรวจเลือดจึงพบว่า การทำงานของเอนไซม์ในตับลดลง สำหรับผลกระทบของแอลกอฮอล์ที่มีต่อตับ เริ่มจาก ไขมันสะสมในตับ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในระยะเริ่มต้น หากหยุดดื่มตับจะกลับมาทำงานเป็นปกติ ส่วนระยะต่อมาคือตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ ตับจะมีขนาดใหญ่ และกดเจ็บ แต่หากหยุดดื่มอาการจะดีขึ้นและอาจจกลับมาเป็นปกติ แต่หากยังดื่มต่อจะมีโอกาสลามเข้าสู่ระยะ3 คือตับแข็ง การรักษาคือต้องหยุดดื่มเด็ดขาด เนื่องจากเป็นระยะสุดท้ายที่ผังผืดเกาะอยู่ที่เนื้อตับ ทำให้ตับมีลักษณะผิวไม่เรียบ ขรุขระ เป็นก้อน ผู้ป่วยระยะนี้มักจะมาพบแพทย์ด้วยอาการดีซ่าน ท้องมาน หรืออาเจียนเป็นเลือดสดๆ เนื่องจากเส้นเลือดขอดในหลอดอาหารแตก นอกจากนี้ผู้ที่เป็นตับแข็งมีโอกาสเสี่ยงเกิดมะเร็งตับ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเสียชีวิตสูง

“การงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษา จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยดูแลตับ พักตับไม่ให้ได้รับสารเคมีในช่วง3เดือน เท่ากับเป็นการช่วยให้ตับทำงานได้ดี ไม่ให้ตับเกิดความเสียหายมากขึ้น และอีกหลายๆคนใช้เทศกาลเข้าพรรษาเป็นเป็นแรงจูงใจให้เลิกดื่มแอลกอฮอล์ได้ อย่าลืมว่าการทำงานของตับมีกำลังสำรองในการทำงานประมาณ 3เท่า หากยังดื่มทุกวัน จะไม่รู้ตัวว่าตับถูกทำลาย และเมื่อตับถูกทำลายลงไปถึง75%ร่างกายจะแสดงผลออกมาคือ โรคตับแข็ง  ซึ่งตับจะไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติอีกต่อไป” นพ.พงศ์เทพ  กล่าว