ร้านอาหารญี่ปุ่นโตฉุดไม่อยู่ แบรนด์ดังยกทัพชิง2.3หมื่นล้าน
ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นกว่า 2.35 หมื่นล้านบาทโตไม่หยุด แบรนด์ดังยกทัพบุกตลาดไทย "โออิชิ" งัดไม้เด็ด เปิดแคมเปญ "Shabushi and So Much More" ไฮไลต์โกยยอดขายครึ่งปีหลัง ขณะที่ "สุคิยะ" แบรนด์ข้าวหน้าเนื้อจากประเทศญี่ปุ่นไม่น้อยหน้าเปิดเกมชูจุดเด่นเมนูคุณภาพรุกตลาด
นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดชาบู-ชาบู สุกี้หม้อไฟ และซูชิ ข้าวปั้นสารพัดหน้า ของเมืองไทย ตลอดจนสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งในเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน บริษัทมีนโยบายในการดำเนินธุรกิจ โดยล่าสุดได้ เปิดตัวแคมเปญ "Shabushi and So Much More ชาบู ซูชิ และอีกมากมายล้นสายพาน" ผ่านกิจกรรมทางการตลาดทั้ง 2 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาเมนูใหม่สารพัดหลายสิบเมนู(New Menu Specials) อาทิ เนื้อฮารามิหรือเนื้อส่วนพื้นท้อง ปลาดอลลี่ แมงกะพรุน เอบิเทนแซลมอนมากิ เอบิโอยาโกะมากิ ซูชิกุ้งชุบแป้งทอด ฯลฯ และ การสื่อสารผ่านโฆษณาชุดใหม่ชุด "ได้" ภายใต้คอนเซ็ปต์ ความอร่อยที่มากกว่าสายพานและซูชิ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นการบริโภคชาบูและซูชิ เลิฟเวอร์
"แคมเปญดังกล่าวบอกเล่าถึงการมาทานชาบูชิ ที่คุณจะได้อะไรมากกว่าที่คิด ไม่เพียงเมนูบนสายพานที่มากมาย แต่ยังมีกองทัพซูชิ เทมปุระ โอเด้ง ขนมหวาน และเครื่องดื่มแบบไม่อั้น เป็นประสบการณ์ที่ครบรส ครบครัน นอกจากนี้ยังมีเมนูใหม่ ๆ ออกมารองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง"
ขณะที่ธุรกิจอาหารของโออิชิ ไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา (มกราคม - มีนาคม 2559) บริษัทมีรายได้จากการขายรวมทั้งสิ้น 1,516 ล้านบาท คิดเป็นรายได้จากกลุ่มภัตตาคาร/ร้านอาหารญี่ปุ่น มากกว่า 90% จากรายได้จากการขายรวม พร้อมขับเคลื่อนและดำเนินธุรกิจเชิงรุกผ่านแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างรอบด้าน เริ่มจาก มุ่งวิจัยและปรับปรุงภาพลักษณ์ของตราสินค้า หรือแบรนด์เพื่อสร้าง "คุณค่า" ทั้งด้านสินค้าและบริการ
อย่างไรก็ตามปัจจุบันภาพรวมตลาดธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดสูงถึงประมาณ 2.35 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโต 10-15% ต่อปี ซึ่งในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15% โดย 80% เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า
ด้านนายโนบุยาสุ วาทาดะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนโช (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้บริหารธุรกิจร้านข้าวหน้าเนื้อจากประเทศญี่ปุ่นแบรนด์ "สุคิยะ" กล่าวว่า แนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยมีการแข่งขันที่สูง แต่ขณะเดียวกันก็มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในประเทศไทยปีนี้จะให้ความสำคัญในเรื่องของจุดเด่นความเป็นข้าวหน้าเนื้อที่แตกต่างจากคู่แข่ง คือ วัตถุดิบที่ได้รับการคัดสรรคุณภาพมาเป็นอย่างดี ประกอบด้วยวัตถุดิบทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ รสชาติอาหารผ่านการปรุงโดยเชฟที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีเมนูอาหารมีความหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ได้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค เช่น เมนูข้าวหน้าต่างๆ มีให้เลือกสรรทั้งเนื้อวัว หมู ไก่ ปลา เป็นต้น มีเมนูข้าวประเภทอื่นๆ อาหารประเภทเส้น อาหารทานเล่น ซุป สลัด ตลอดจนทั้งแบบเซตเมนูและแบบจานเดี่ยว ที่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่จานละ 69 บาท เป็นต้นไป เพื่อสร้างความหลากหลายของฐานลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามกลุ่มบริษัท เซนโช ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันมีธุรกิจร้านอาหารในเครือกว่า 19 แบรนด์ ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจร้านอาหารและมีสาขาร้านอาหารรวมเป็นอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีแบรนด์สุคิยะเป็นร้านข้าวหน้าเนื้อ (Gyudon) สำหรับทุกคนในครอบครัว มีจุดแข็งทางธุรกิจจากการบริหารร้านโดยตรงจากสำนักงานใหญ่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งไม่ต้องขึ้นอยู่กับระบบแฟรนไชส์ จึงสามารถควบคุมคุณภาพตั้งแต่การบริหารจัดการวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และการบริการได้โดยตรง โดยในประเทศญี่ปุ่นมีสาขากว่า 1,920 แห่ง มีเมนูข้าวหน้าเนื้อที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ซึ่งถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น โดยให้บริการลูกค้าทั้งกลุ่มครอบครัว กลุ่มคนวัยทำงาน ตลอดจนกลุ่มนักเรียนนักศึกษา โดยปัจจุบันร้านสุคิยะในประเทศไทยมีจำนวน 12 สาขา โดยเน้นทำตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล นอกจากนี้ยังมีแผนขยายตลาดสู่ต่างจังหวัดเพิ่มเติม
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,172 วันที่ 7 - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559