เบร็กซิทไม่กระทบอสังหาฯ แค่มีผลระยะสั้น/คาดคนหันลงทุนเอเชียแปซิฟิกเพิ่ม

04 ก.ค. 2559 | 09:00 น.
บริษัทที่ปรึกษาอสังหาฯ ชี้ Brexit ไม่กระทบตลาดอสังหาฯไทยในระยะยาว แต่ส่งผลต่อสภาพจิตใจแค่ระยะสั้น คาดคนหันลงทุนตลาดอสังหาริมทรัพย์เอเชีย-แปซิฟิกเพิ่ม เหตุนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชียที่ยังไม่มั่นใจในเสถียรภาพ ด้านภาคเอกชนเชื่อตลาดอสังหาฯไทยและผู้ประกอบการไทยไม่กระทบ

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ดเอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปัจจุบันคนไทยที่ไปลงทุนในสหราชอาณาจักร(อังกฤษ) มีสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศในแถบเอเชียด้วยกัน โดยประเทศที่มีการเข้าไปลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในเอเชียคือประเทศมาเลเชีย สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนไทยเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของลูกหลานที่ไปเรียนมากกว่าซื้อเพื่อลงทุน

ดังนั้นการออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปของอังกฤษจึงไม่กระทบกับนักลงทุนไทยมากนัก ราคาอาจจะลดลงบ้างแต่คงไม่มาก เนื่องจากอสังหาฯที่คนไทยนิยมซื้อส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพจึงไม่น่าเป็นกังวล เพราะสินค้าใหม่ที่เข้ามาเติมในตลาดอสังหาริมทรัพย์อังกฤษมีไม่มาก สำหรับผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยนั้น เชื่อว่าจะกระทบในตลาดหุ้นมากกว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยตรง อาจทำให้การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคบางคนชะลอตัวไปบ้าง ทั้งนี้ต้องจับตาในระยะยาวจะเป็นอย่างไร เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองมากกว่าการซื้อเพื่อลงทุนหรือเก็งกำไร

"สิ่งที่ต้องพึงระวัง ณ เวลานี้คือเรื่องของค่าเงินที่ดูเหมือนจะมีความผันผวนอย่างมาก สำหรับในส่วนอื่นอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะในการวิเคราะห์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นผลกระทบได้อย่างชัดเจนภายใน 6-12 เดือนนับจากนี้ คนไทยมีความระมัดระวังในการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศ มักนิยมซื้ออสังหาฯใจกลางเมืองเป็นหลัก ดังนั้นไม่น่ากังวล"นางสาวอลิวัสสา กล่าว

ด้าน ดร. เมแกน วอลเตอร์ส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหน่วยธุรกิจบริการด้านลงทุนภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกของบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล (โจนส์ แลง ลาซาลล์) กล่าวว่า ในภาวะที่ตลาดเงินมีความผันผวนสูงหลังจากอังกฤษมีประชามติให้ถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป มีความเป็นไปได้ว่าการลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวมทั่วโลกอาจมีความคึกคักน้อยลง โดยนักลงทุนจากยุโรปมีแนวโน้มไม่ลงทุนเพิ่ม ซึ่งรวมถึงการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างภูมิภาค จนกว่าตลาดเงินจะมีเสถียรภาพมากขึ้น ในขณะที่ธนาคารที่มีความเกี่ยวพันสูงกับยุโรปจะไม่ต้องการเสี่ยงปล่อยกู้ในระยะนี้ อย่างไรก็ดี ความผันผวนในกลุ่มยูโร เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบเชิงลบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งพึ่งพาความต้องการและการลงทุนภายในประเทศและภายในภูมิภาคเป็นส่วนใหญ่

"ตราบเท่าที่ความไม่แน่นอนยังมีอยู่สูง นักลงทุนส่วนใหญ่ของเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มที่จะเลือกลงทุนในภูมิภาคของตนเองมากขึ้น แม้จะมีบางส่วนที่อาจยินดีรับความเสี่ยงด้วยการอาศัยจังหวะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนตัว หาโอกาสการเข้าลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษ โดยแนวโน้มที่นักลงทุนเอเชียแปซิฟิกมีหันมาลงทุนในภูมิภาคของตนเองมากขึ้น สะท้อนให้เห็นตั้งแต่ช่วงก่อนรู้ผลการลงประชามติให้อังกฤษถอนตัวจากอียู โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ การลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน ซึ่งปกติเป็นตลาดการลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มูลค่าสูงสุดในโลก ได้ชะลอตัวลงอันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการจัดให้มีการลงประชามติ แต่ในช่วงเดียวกัน พบว่านักลงทุนจีนมีการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคมากขึ้น โดยเฉพาะในฮ่องกง"ดร. เมแกน กล่าว

ในส่วนของ นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เบื้องต้นบริษัทยังไม่ได้รับรายงานว่า ลูกค้าแสนสิริคืนห้องโครงการ 9 Elvaston Place ที่ลอนดอน เนื่องจากโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพคือบริเวณ South Kensington ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ 1.2 ล้านบาทต่อตารางเมตร ปรับขึ้น 15% ในช่วงเวลา 2 ปี

นายเศรษฐพล บุตรโท ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร โครงการมอนท์เอซัวร์ กล่าวว่า กรณี Brexit อาจส่งกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้นเท่านั้น จากความตื่นตระหนก ซึ่งในระยะยาวจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อภาวะเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายังมีกลุ่มเศรษฐีที่ยังมีกำลังซื้อสูงอยู่อีกจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวไทย พิจารณาได้จากยอดขายโครงการโครงการ ทวินปาล์ม เรสสิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์ บีชคลับ ซึ่งเป็นเฟสแรกของโครงการ "มอนท์เอซัวร์" ที่พักอาศัยและคอมมิวนิตีระดับซูเปอร์ไฮเอนด์ โดยเป็นอาคารชุดพักอาศัยสูง 3 ชั้น มีห้องชุดรวม 75 ยูนิต มีพื้นที่ขาย 12,603 ตารางเมตร เริ่มตั้งแต่ 1 ห้องนอน ขนาด 70-250 ตารางเมตร และ 2 ห้องนอน ขนาด 154-400 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น ห้องชุดเพนต์เฮาส์ พร้อมด้วยดาดฟ้าและสระว่ายน้ำ ห้องชุดวิวทะเล และห้องชุดวิวสวน ราคาขายเฉลี่ยประมาณ 1.7 แสนบาท/ตร.ม. เริ่มต้นตั้งแต่ 8 - 93 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 50% ในจำนวนดังกล่าวเป็นชาวไทย 46% หลังจากที่เปิดขายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,171 วันที่ 3 - 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559