เล็งผุดไดโนซอร์แพลนเน็ตใหม่ ลงทุนกว่า 800 ล้านเปิดกลางปีหน้า

04 มิ.ย. 2559 | 04:00 น.
เอฟดับเบิ้ลยูอาร์ เล็งผุดไดโนซอร์ แพลนเน็ต แห่งใหม่ ทำเลพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก หลังโครงการปัจจุบันจะหมดสัญญากับทางเดอะมอลล์ กรุ๊ป ในสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า ชี้การลงทุนในพื้นที่ใหม่จะใหญ่กว่าเดิม 2-3 เท่า มีจุดขายไฮไลต์มากถึง 20 โซน มูลค่าการลงทุนกว่า 800 ล้านบาท พร้อมเปิดกลางปีหน้ารับปิดเทอม พร้อมโอดถูกนำตั๋วฟรีที่ทำโปรโมชั่นผ่านนิตยสารฉบับหนึ่ง นำตั๋วมาขายโจ๋งครึ่มผ่านออนไลน์

นายวินิจ เลิศรัตนชัย ตัวแทนผู้บริหาร บริษัท เอฟดับเบิ้ลยูอาร์ จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าในขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการวางแผนก่อสร้างโครงการไดโนซอร์ แพลนเน็ต แห่งใหม่ หลังจากโครงการปัจจุบัน ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ เอ็มสเฟียร์ ใจกลางถนนสุขุมวิท จะปิดการดำเนินงานในช่วงสิ้นเดือนมกราคมปี2559 เนื่องจากหมดสัญญาการเช่าพื้นที่เป็นเวลา 1 ปี จากเดอะมอลล์ กรุ๊ป ซึ่งแผนการลงทุนที่ใหม่ จะอยู่บริเวณพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก โดยจะมีขนาดของพื้นที่ใหญ่กว่าโครงการปัจจุบัน2-3 เท่า

ทั้งนี้คาดว่าภายในเดือนหน้า น่าจะสรุปเรื่องของพื้นที่ได้ เนื่องจากในขณะนี้มีเจ้าของพื้นที่ ใน 3 โลเคชั่น คือ โลเคชั่นใกล้ๆสนามบินดอนเมือง โลเคชั่นแถวบางนา-ตราด ก่อนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ และโลเคชั่น ปลายๆถนนพระราม 9 ที่อยากให้ทางบริษัทเข้าไปดำเนินโครงการนี้ และอยู่ระหว่างการเจรจา เพื่อเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมมากที่สุดเพียงแห่งเดียว ซึ่งการเจรจามีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเช่าพื้นที่ หรือการร่วมลงทุน ซึ่งก็คงต้องพิจารณาแนวที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้เริ่มทยอยดำเนินการก่อสร้างได้ก่อนสิ้นปีนี้

สำหรับโดโนซอร์ แพลนเน็ต ที่ใหม่ที่จะเกิดขึ้น จะมีพื้นที่ราว 35 ไร่ขึ้นไป สัญญาไม่ต่ำกว่า 10-15 ปี โดยแบบที่มองไว้จะมีโซนดึงดูดนักท่องเที่ยวมากถึง 20 โซน มากกว่าไดโนซอร์ แพลนเน็ต ปัจจุบันที่มี 8 โซนที่เป็นจุดขาย ประเมินงบลงทุนอยู่ที่ราว 800 ล้านบาท มากกว่าการลงทุนในที่ปัจจุบันที่เปิดให้บริการอยู่ ซึ่งลงทุนไปราว 300 กว่าล้านบาท ซึ่งการพัฒนาโครงการนี้ ก็จะยังเป็นกลุ่มพันธมิตรบริษัทชั้นนำในธุรกิจบันเทิง มีเดีย และโปรดักชั่น อย่าง เฟรชแอร์ เฟสติวัล , เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ และ ไรท์แมน ที่ร่วมกันพัฒนาโครงการนี้เช่นเดิม

" จุดขายของไดโนซอร์ แพลนเน็ต ที่ใหม่ นอกจากจะมีส่วน 8 โซนไฮไลท์ในไดโนซอร์ แพล็นเน็ต ปัจจุบัน ยกไปทั้ง 8 โซนที่เน้นเรื่องเทคโนโลยีแล้ว อีก 12 จุดขายที่จะเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจะเพิ่มในเรื่องของธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเข้าไป เพื่อสร้างโปรดักซ์ให้แต่ละธีมมีความแตกต่างกัน ซึ่ง ตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดตัวได้ในราวกลางปีหน้า รับช่วงปิดภาคเรียน และหากโครงการที่ใหม่เริ่มอยู่ตัว เราก็มองเรื่องการสร้างตัวไดโนเสาร์ขึ้นมาอีก 1 ชุด เพื่อที่จะนำไปทัวร์ในประเทศกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี"

นายวินิจ ยังกล่าวต่อว่า ผลการตอบรับของโดโนซอร์ แพลนเน็ต ที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ถือว่าดีกว่าที่คาดไว้มาก ซึ่งตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2559 เดิมตั้งเป้าคนมาเที่ยวอยู่ที่ราว 2-3 พันคนต่อวัน แต่วันนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 4-5 พันคนต่อวัน ซึ่งลูกค้าต่างชาติมีสูง นักท่องเที่ยวไทยก็มาก และในเดือนกรกฏาคมนี้ มีกรุ๊ปจากบริษัททัวร์มาลง ซึ่งถือว่าติดตลาดมาก และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากสปอนเซอร์ต่างๆ

ส่วนเครื่องเล่น DINO EYE ที่เป็นครั้งแรกของโลกกับคริสตอล แคปซูน บนกระเช้าลอยฟ้าขนาดใหญ่ ความสูงกว่า 50 เมตร ให้ชมภูมิทัศน์โลกล้านปี ทั้งใต้ท้องทะเล พื้นดินสุดกว้างใหญ่ ไปจนถึงเหนือเมฆ ที่เกิดไฟไหม้ไปก่อนหน้านี้ ได้ดำเนินการซ่อมแซมและทดสอบระบบจนสมบูรณ์ พร้อมเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน2559

นอกจากนี้ทางไดโนซอร์ แพลนเน็ต ยังจะขอชี้แจงผ่านสื่อว่า ทางบริษัทได้ยกเลิกโปรโมชั่นบัตรเข้าชม ที่ได้ทำโปรโมชั่นร่วมกับนิตยสารรายเดือนด้านวิทยาศาสตร์ฉบับหนึ่ง เนื่องจากพบความผิดปกติ จากการนำบัตรโปรโมชั่นไปขายผ่านทางออนไลน์(เฟซบุ๊ก)ในราคา 350 บาท ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ในการทำโปรโมชั่น ที่ตกลงกันว่าจะพิมพ์บัตรเข้าชมไดโนซอร์ แพลนเน็ตฟรี ที่จะพิมพ์พร้อมกับยอดพิมพ์ของนิตยสาร ที่วางแผงเมื่อเดือนเมษายน และผู้อ่านสามารถตัดคูปองนำมาเข้าชมฟรีในเดือนพฤษภาคม ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้แจ้งความดำเนินคคีกับผู้ที่กระทำผิดแล้ว รวมทั้งแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าหากนำบัตรดังกล่าวมาใช้ จะต้องยื่นพร้อมกับนิตยสาร เพื่อยืนยันเป็นบัตรที่ได้มาจากนิตยสารฉบับดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้ผู้ใช้บริการไม่พอใจ แต่บริษัทไม่ใช่ผู้ทำผิด และต้องการให้มีการดำเนินการที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของการทำโปรโมชั่น

“จากกรณีบริษัท สูญรายได้ร่วม5 ล้านบาท เพราะยอดขายบัตรจริงๆมีมูลค่า 600 บาท และที่ผ่านมา เราก็ไม่ทราบว่ามีการผลิตบัตรออกไป โดยไม่ได้แนบกับนิตยสารไปมากน้อยแค่ไหน เฉพาะที่วัดได้พบว่ามียอดการใช้สิทธิ์ในส่วนนี้ถึง 9 พันคน ซึ่งถือว่ามากเกินผิดวิสัยเพราะปกติการทำโปรโมชันในลักษณะนี้เฉลี่ยการนำบัตรมาใช้จะอยู่ที่ราว 20-30%ไม่ใช่เกือบ 100% แบบนี้ ดังนั้นการนำนิตยสารมายืนยันพร้อมบัตรเข้าชม จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดกับทุกฝ่าย ซึ่งเรื่องเงินเราไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่ยอม รับว่าเสียความรู้สึก เพราะการสร้างโครงการนี้ต้องการให้เป็นแหล่งเอ็ดดูเทนเมนต์ ก็ไม่อยากให้ใครมาทำอะไรที่ไม่ดีแบบนี้”นายวินิจกล่าวทิ้งท้าย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,162 วันที่ 2 - 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559