เปิดใจทูต 'มานพชัย วงศ์ภักดี' แจงปัญหาค้าปลีกไทยในเวียดนาม
หลังจากที่กลุ่มทุนไทยเข้าซื้อกิจการค้าปลีก/ค้าส่ง ในเวียดนาม ดังที่เป็นข่าวต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีถึงปัจจุบัน จนเกิดกระแสสร้างความไม่พอใจของท้องถิ่น โดยหวั่นธุรกิจไทย จะเข้ามาผูกขาด (อ่านประกอบฉบับ 3,161 : ทุนไทยเดินหน้ากู้ภาพลักษณ์)
ต่อข้อเท็จจริงเรื่องนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ได้สอบถาม “นายมานพชัย วงศ์ภักดี” เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ชี้แจงดังนี้
กระแสตีธุรกิจค้าปลีกไทย
คือช่วง 7-8 สัปดาห์ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจังหวะที่ธุรกิจไทยเข้ามาซื้อกิจการค้าปลีกในเวียดนาม ( กลุ่มเซ็นทรัลซื้อบิ๊กซีในเวียดนาม จากกลุ่มคาสิโนของฝรั่งเศส ) ก็เกิดกระแสข่าวว่าภาคธุรกิจ/ในเวียดนาม แสดงความวิตกว่าบริษัทไทยจะเข้ามาทำอะไร ข่าวช่วงนั้นค่อนข้างเร็ว ก็ไม่ต่างกับที่เคยเกิดขึ้นกับไทยกรณีที่ต่างชาติเข้ามาเปิดโมเดิร์นเทรด แต่มาระยะหลังกระแสต่อต้านเริ่มซาไป ส่วนหนึ่งเพราะข่าวการเยือนของผู้นำสหรัฐฯ "บารัก โอบามา " ( 23-25 พ.ค.59 )
ประกอบการที่เราได้ให้ข้อมูลชี้แจงว่า เช่นเป็นการซื้อหุ้นจากชาวต่างชาติ ฝรั่งเศสหรือเยอรมัน ไม่ใช่กิจการค้าปลีกของเวียดนาม และก็ไม่ได้ปิดกั้นสินค้าจากเวียดนาม อย่างสินค้าที่วางบนชั้นวางจำหน่ายหรือ เชลฟ์ ทุกวันนี้ยังเป็นสินค้าเวียดนามถึง 55% ส่วนที่อื่นเป็นสินค้าประเทศอื่น ๆ ของไทยเองก็มีน้อยมาก
อีกทั้งการที่ไทยเข้ามาซื้อกิจการค้าปลีก/ค้าส่งต่อเนื่องกันตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ( บ.ไทยเจริญคอร์ปอเรชั่นฯ (TCC Holding) ซื้อ บริษัท"ขายส่ง เมโทร แคช แอนด์ แครี่ เวียดนาม จากกลุ่มเมโทรกรุ๊ปของเยอรมนี ) ก็ไม่ได้กระทบร้านเล็กหรือโชวห่วยของเวียดนามเพราะยังมีมากถึง 90 % ส่วนที่เป็นโมเดิร์นเทรดมีเพียง 10 % เท่านั้น
" ผมได้ให้ข้อมูลกับสื่อเวียดนามทั้ง 2-3 ฉบับ และพบปะพูดคุยกับกลุ่มธุรกิจเวียดนาม จนสร้างความเข้าใจ เพราะทั้ง 2 ประเทศเป็นพันธมิตรและคู่ค้าที่ดีกันมานาน และในอนาคตเองก็มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มทุนเวียดนามอาจมาซื้อกิจการไทย เพราะการลงทุน 2 ทางเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้วในโลกของโกลบัลไลเซชัน
กังวลจะปรับค่าคอมมิสชัน
ค่าคอมมิสชันที่ดำเนินการโดยกลุ่มทุนไทย ก็ยังคิดค่าคอมมิสชันเท่า ๆกับที่ ผู้ถือหุ้นเดิมไม่ได้เปลี่ยนหรือปรับขึ้น ยืนยันและ และพนักงานส่วนใหญ่ก็ยังเป็นแรงงานจากคนในท้องถิ่น ในบางตำแหน่งก็ยังมีการโปรโมตคนท้องถิ่นขึ้นมาแทรก และในอนาคตก็อาจมีการแต่งตั้งคนเวียดนามขึ้นเป็นระดับผู้บริหาร ปัจจุบัน เท่าที่ผมทราบก็ยังมีการส่งคนเวียดนาม เช่นในภาคธุรกิจโรงแรมเข้ามาอบรมในไทยเป็นต้น
บทบาททูตไทยในเวียดนาม
เราให้การส่งเสริมการค้า/การลงทุน โดยปีที่ผ่านมาการค้าระหว่าง 2 ประเทศ มีประมาณใกล้เคียง 4 แสนล้านบาท รวมถึงประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน ซึ่งมีคณะทำงานในนามของกกร.ร่วมด้วย การจัด ซีเอสอาร์ จ๊อบแฟร์ โดยรับคนในท้องถิ่นร่วม 1 พันคน อันนี้ไม่รวมแรงงานสานการผลิต การให้ทุนการศึกษานักเรียนเวียดนาม 4 พันทุน เป็นต้น ส่งผลให้สถานการณ์ ณ ขณะนี้เริ่มดีในระดับหนึ่ง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,162 วันที่ 2 - 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559