หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทม์ส รายงานว่าการปกครองท้องถิ่นแขวง สาระวันได้อนุมัติสัมปทานให้บริษัทเกาหลีใต้เช่าที่ดินเพื่อปลูกน้อยหน่าและเผือกหอมช่วยสร้างงานให้กับท้องถิ่นทำให้คนลาวไม่ต้องมาทำงานที่ประเทศไทย
รายงานข่าวระบุว่าบริษัทของเกาหลีใต้คือบริษัท เจ.เอส.ฟาร์มฯ ได้สัมปทานพื้นที่ดิน 200 เฮกตาร์ (ประมาณ 1,250 ไร่) เพื่อปลูกน้อยหน่าและเผือกหอมสำหรับการส่งออกและขายในประเทศโดยบริษัทจะใช้เงินลงทุนในโครงการนี้ 4,000 ล้านกีบ (ประมาณ 17.5 ล้านบาท) มีอายุสัมปทาน 20 ปี
พื้นที่สัมปทานอยู่ที่หมู่บ้านตะแบงอำเภอลาวงาม และสัมปทานจะเริ่มตั้งแต่ปี 2558-2578 โดยได้มีการลงนามในสัญญาระหว่างตัวแทนของบริษัทและผู้บริหารการปกครองท้องถิ่นเรียบร้อยแล้ว
เวียงจันทน์ไทม์ส ระบุว่าโครงการทำสวนน้อยหน่าและเผือกหอมที่แขวงสาระวัน เป็นการสร้างงานและรายได้ให้กับคนท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยลดจำนวนคนงานที่ต้องเดินทางไปทำงานที่ประเทศไทยโดยโครงการดังกล่าวจะช่วยครอบครัวคนท้องถิ่นให้มีชีวิตที่ดีกว่าการเดินทางไปทำงานนอกบ้าน
นอกจากจะช่วยสร้างรายได้แล้ว การปลูกน้อยหน่าและเผือกหอมจะช่วยให้ลาวมีผลไม้เพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้นและยังผลิตเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วยโดยเจ้าหน้าที่เกษตรท้องถิ่น ระบุว่าบริษัทเกาหลีใต้เริ่มทดลองปลูกพืชตั้งแต่ปีที่แล้วแต่ยังไม่ได้ขยายการเพาะปลูก
รายงานข่าวระบุว่าแม้ชาวบ้านจะมีทักษะทางเกษตรอยู่แล้ว แต่ต้องได้รับการฝึกอบรมเทคนิคการปลูกจากบริษัทผู้ได้รับสัมปทาน เนื่องจากเป็นโครงการที่ยังไม่มีเคยเกิดขึ้นในอำเภอลาวงาม และเป็นสัมปทานแรกในลักษณะนี้สำหรับจังหวัดสาระวัน
เวียงจันทน์ไทม์ส ระบุว่าในปีที่แล้วประเทศเกาหลีใต้เป็นนักลงทุนใหญ่อันดับ 6 ของลาวมีโครงการลงทุน 257 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 28,800 ล้านบาท) โดย 2 ประเทศมีมูลค่าการค้าขายระหว่างกัน 199 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,164 ล้านบาท) เป็นฝ่ายลาวส่งออกไปเกาหลีใต้มูลค่า 12 ล้านดอลลาร์ (432 ล้านบาท) และนำเข้ามูลค่า 187 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,732 ล้านบาท)
Photo :
Pixabay
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,160 วันที่ 26 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559