พาณิชย์สหรัฐฯลงดาบเหล็กรีดเย็นจีน ตั้งภาษีกว่า 500%โทษฐานดัมพ์ราคา

26 พ.ค. 2559 | 12:00 น.
สหรัฐอเมริกาประกาศเก็บภาษีเหล็กแผ่นรีดเย็นนำเข้าจากจีนในอัตราสูงถึง 522% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (17 พ.ค. 59) หลังสอบพบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถูกนำเข้ามาจำหน่ายในสหรัฐฯในราคาต่ำกว่าทุนและได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนก่อให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า ในปี 2558 ที่ผ่านมา สหรัฐฯนำเข้าเหล็กแผ่นรีดเย็นจากจีนคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นถึง 272.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราภาษีที่ประกาศใช้ใหม่นี้จะทำให้การนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากจีนมีราคาสูงขึ้นมากกว่า 5 เท่า ทั้งนี้ เหล็กแผ่นรีดเย็นมักมีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ เครื่องใช้ภายในบ้าน ตู้สินค้า และอุตสาหกรรมก่อสร้าง

ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯในครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางกระแสความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่คุกรุ่นมากขึ้นโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเหล็กกล้า ซึ่งทั้งผู้ผลิตเหล็กกล้าท้องถิ่นของสหรัฐฯเองรวมทั้งผู้ผลิตในยุโรปได้ร้องเรียนต่อทางการว่า จีนกำลังบิดเบือนราคาผลิตภัณฑ์เหล็กในตลาดโลกด้วยการนำผลผลิตส่วนเกินในตลาดจีนเองออกมาโละขายถล่มราคาในตลาดต่างประเทศ ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 บริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้าของสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วยบริษัท ยูไนเต็ด สเตทส์ สตีลฯ บริษัท เอเค สตีล คอร์ปฯ บริษัท อาร์เซลอร์มิตตัล ยูเอสเอฯ บริษัท นูคอร์ คอร์ปฯ และบริษัท สตีล ไดนามิคส์ อิงค์ฯ ได้ยื่นเอกสารร้องเรียนต่อกระทรวงพาณิชย์โดยระบุว่า ผลิตภัณฑ์เหล็กของจีนที่เข้ามาขายถล่มราคาในสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นธรรม ก่อให้เกิดความสูญเสียต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ ทำให้คนงานของสหรัฐฯต้องตกงานราว 1.2 หมื่นคนในปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังได้ตั้งมาตรการภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดเหล็กแผ่นรีดเย็นที่นำเข้าจากญี่ปุ่นด้วย โดยกำหนดอัตราภาษี 71.35% สถิติของทางการค้าสหรัฐฯชี้ว่า ในปีที่ผ่านมา (2558) สหรัฐฯนำเข้าเหล็กกล้ารีดเย็นจากญี่ปุ่นคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 138.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ข่าวระบุว่า บริษัทผู้ผลิตเหล็กกล้าของจีนที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯที่ประกาศใช้ล่าสุดนี้ได้แก่ บริษัท บาวสตีล กรุ๊ปฯ บริษัท อันกัง กรุ๊ป ฮ่องกง โฮลดิ้งส์ฯ และบริษัท เผิงสี ไอร์ออน แอนด์ สตีล กรุ๊ปฯ ส่วนบริษัทผู้ผลิตของญี่ปุ่นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบได้แก่ บริษัท นิปปอน สตีล แอนด์ ซูมิโตโม เมทัล คอร์ปฯ และบริษัท เจเอฟอี สตีล คอร์ปฯ

ในส่วนของการนำเข้าเหล็กแผ่นรีดเย็นจากจีนนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯคงอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (anti-dumping duties) ไว้ที่ 265.79% แต่ได้เพิ่มภาษีตอบโต้การให้เงินอุดหนุน (anti-subsidy duties) จากเดิม 227.29 % เป็น 256.44%

ขณะเดียวกัน ได้มีการยื่นข้อร้องเรียนแยกอีกกรณีโดยบริษัท ยูไนเต็ด สเตทส์ สตีลฯ ซึ่งได้ขอให้ทางการสหรัฐฯ สั่งห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กทั้งหมดจากผู้ผลิตรายใหญ่ของจีน โดยในข้อร้องเรียนที่ยื่นต่อคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศ หรือ ไอทีซี ของสหรัฐฯ นั้น บริษัทได้ขอให้มีการไต่สวนผู้ผลิตรายใหญ่ของจีน 12 บริษัทรวมทั้งผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐฯ ด้วยข้อกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ร่วมกันฮั้วราคา อีกทั้งยังมีการจารกรรมข้อมูลการค้า และหลบเลี่ยงภาษีด้วยการติดฉลากสินค้าไม่ตรงความเป็นจริง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนได้ออกมาปกป้องตัวเองโดยการปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และย้ำว่าที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้ลงมือดำเนินการอย่างมากพอแล้วในการที่จะลดปริมาณผลผลิตเหล็กกล้าที่ล้นเกินในตลาด ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ จีนมองว่ามาจากผลผลิตที่ล้นเกินในตลาดโลกอยู่แล้วขณะที่ความต้องการใช้เหล็กกล้าโดยภาพรวมก็ลดลงมาก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,159 วันที่ 22 - 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559